วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (22nd September, 2015)

การฝึกทักษะการฟัง
(22nd September, 2015)
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน ดิฉันคิดว่าได้พัฒนาทักษะการเขียนของดิฉันไปได้ขึ้นในระดับที่ดีพอสมควร ซึ่งทักษะการเขียนเป็นทักษะที่ฝึกยากที่สุดเพราะจะต้องใช้เวลาในการฝึกมาก จะต้องใช้วิธีการฝึกอย่างเป็นลำดับขั้นตอนอย่างมากที่สุด ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนดังกล่าวจากการอ่านนิทานอีสปเรื่อง The Fox without a Tail, การเขียนโดยการเขียนบันทึกกิจวัตรประจำวันของดิฉันเอง, จากการเขียน เรียงความเรื่อง Father’s Day  ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านๆมาดิฉันก็ได้ฝึกทักษะครบทั้งสี่ทักษะแล้ว ก็คือ ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ฉะนั้นดิฉันคิดว่าจะฝึกทั้งสี่ทักษะเหล่านี้ วนเวียนกันไปเรื่อยๆในทุกสัปดาห์เพิ่มเพิ่มพูนทักษะทั้งสี่ของดิฉันเอง และจะไม่เกิดความเบื่อหน่ายในการฝึกแต่ละครั้ง เพราะแต่ละสัปดาห์จะเปลี่ยนแปลงทักษะที่ฝึกอยู่ตลอดหรือบางทักษะที่มีความยาก เช่น การอ่านและการเขียน อาจจะฝึกติดกันสองสัปดาห์ ซึ่งจะได้ไม่ซ้ำซาก จำเจ ดังนั้นในสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ของการฝึกทักษะการฟัง ทักษะการฟังของดิฉันยังไม่ดีเท่าทีควร ในการเรียนแต่ละครั้ง ไม่ว่ากับครูไทยหรือครูชาวต่างชาติ บางครั้งดิฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ครูพูด หรือบางครั้งเมื่อครูเปิดเทป วีดิโอ ที่เป็นภาษาอังกฤษ ดิฉันก็ยังฟังและสรุปเรื่องที่เขาพูดได้ไม่ค่อยถูกต้องและชัดเจนเท่าที่ควร ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังตั้งแต่ วันอังคารที่ 22 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 – วันจันทร์ที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2558

วันอังคารที่ 22 – วันพุธที่ 23 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง Crush ของศิลปิน David Archuleta จาก https://www.youtube.com/watch?v=6J1-eYBbspA เหตุผลที่ดิฉันเลือกฝึกทักษะการฟัง จากเพลงนี้ เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มีความไพเราะมาก รวมทั้ง David Archuleta เป็นศิลปินที่ดิฉันชื่นชอบมาก ซึ่งในช่วงแรกดิฉันจะฟังโดยไม่มีเนื้อเพลงประกอบอยู่ด้วย ดิฉันก็ฟังเข้าใจเป็นบางช่วงบางตอน ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องความรัก แต่จะเป็นรักแบบไหนดิฉันยังไม่ทราบ จากนั้นดิฉันก็เริ่มเปิดวีดิโอที่มีเนื้อเพลงประกอบอยู่ด้วย ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ในที่นี้ดิฉันได้ฝึกทั้งทักษะการฟังและการอ่านควบคู่กันไป และดิฉันก็แปลได้ว่าเนื้อเพลง กล่าวถึง ความรักของผู้ที่มีให้กับหญิงคนรักซึ่งเป็นเพื่อนกันแต่จู่ๆ ความรู้สึกก็เปลี่ยนแปลงจากเพื่อนกลายเป็นคนรัก คนที่เขาเห็นแล้วเหมือนกับเขาหยุดหายใจไปอัตโนมัติ แต่เขาไม่รู้ตัวว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขาอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าอะไร ในความรู้สึกของเขาผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนหรือแฟนกันแน่ และเขาก็อยากจะรู้ว่าผู้หญิงผู้ซึ่งทำให้เขารู้สึกแบบนี้ เธอคิดเหมือนกับเขาหรือเปล่า และหลังจากนั้นดิฉันก็ฟังต่ออีกหลายๆรอบ และใช้วีดิโอที่มีเนื้อเพลงประกอบเป็นภาษาไทยเพื่อทดสอบทั้งทักษะการฟัง และทักษะการอ่าน รวมทั้งการแปลของดิฉันด้วย ในวันพุธที่ 23 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำเพลงนี้มาฟังอีกหลายๆรอบเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง ว่าจากเมื่อวานที่ดิฉันทั้งฟัง ทั้งอ่าน และทั้งแปลเนื้อหาของเพลงไป เมื่อดิฉันมาฟังอีกครั้งดิฉันจะฟังเข้าใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งในที่นี้ดิฉันได้ฝึกการจำไปด้วย ผลที่เกิดขึ้นคือ ดิฉันจำเนื้อหาและคำศัพท์ในเพลงได้ว่าแปลว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งแสดงว่าดิฉันได้พัฒนาทักษะการฟังเพิ่มขึ้น หรือมันอาจเกิดจากความเคยชินที่ดิฉันฟังและแปลหลายๆครั้ง ดิฉันถือว่าดิฉันได้พัฒนาสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไป
วันพฤหัสบดีที่ 24 – วันศุกร์ที่ 25 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูละครเรื่อง Antony and Cleopatra จาก https://www.youtube.com/watch?v=2F7TPVHcIhs ความยาวของละคร ประมาณ 2 ชั่วโมง 54 นาที เหตุผลที่ดิฉันเลือกดูละครเรื่องนี้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังเพราะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ William Shakespeare เป็นผู้แต่ง ซึ่งดิฉันกำลังเรียนวิชา วรรณคดีภาษาอังกฤษอยู่ และเนื้อหาที่เรียนอยู่ก็เกี่ยวกับผลงานของ William Shakespeare อาจารย์ผู้สอนวิชาดังกล่าวท่านบอกว่าเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมาก ดิฉันจึงเลือกหนังเรื่องนี้ในการฝึก ซึ่งในช่วงแรกดิฉันก็ดูโดยไม่มีเนื้อเรื่องประกอบ คือฟังเสียงและดูรูปภาพเพียงอย่างเดียว  1 รอบ เพราะหนังเรื่องนี้มีความยาวมาก หลังจากการดูในรอบแรก ดิฉันทราบเพียงแค่ว่าเป็นละครโศกนาฏกรรม ที่เป็นการสูญเสียและในเรื่องก็มีความรักที่ผิดหวังมาเกี่ยวข้องด้วย ในวันศุกร์ที่ 25 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันก็ได้นำละครเรื่องนี้มาเปิดดูอีกครั้ง โดยครั้งนี้ ดิฉันเปิดวีดิโอที่มีเนื้อหาประกอบอยู่ด้วย แต่เป็นภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งจากที่ฟังมาครั้งแรก ดูจากภาพในวิดีโอและการแปลความหมายของคำบางคำที่เป็นศัพท์ศัพท์ยากในครั้งที่สองรวมทั้งจากที่เรียนมา ก็สรุปได้ว่า เรามองว่าเป็นเพราะทั้งคู่เป็นรักต้องห้าม เป็นคู่รักที่ละเมิดกฎเกณฑ์ทั้งหมดทั้งมวล แอนโทนีมีภรรยาอยู่แล้ว ทั้งสองเป็นคนต่างชาติพันธุ์กัน ชาวอียิปต์สำหรับคนอังกฤษยุค Elizabethan และ Jacobean มองชาวอียิปต์และชาวยิปซีเป็นพวกเดียวกัน ชาวยิปซีนั้นมักถูกมองว่าเป็นพวกสกปรกและไม่ต่างจากชนชั้นแรงงานอยู่แล้ว ประเด็นเรื่องชาว"อียิปต์" ที่เป็นราชินีนั้นจึงดูขัดแย้งกันและที่สำคัญ คลีโอพัตราเป็นผู้หญิงที่ท้าทายขนบเพศสถานะและเพศวิถีทั้งหมด ตัวเรื่องพูดถึงคลีโอพัตราเคยปลดดาบออกจากชุดของแอนโทนี่ และมีการตีความว่าทั้งคู่แต่งตัวสลับกันเพื่อเล่นสนุกและเกี้ยวพาราสีกัน คลีโอพัตราและแอนโทนีจึงต้องถูกกำจัดโดยที่ไม่มีการต่อรองใดๆและการเห็นแก่อำนาจและไม่ยอมรับความแตกต่างอาจนำมาสู่โศกนาฏกรรมที่คาดไม่ถึง ซึ่งการฝึกทักษะในครั้งนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งการฟัง การอ่าน อีกทั้งได้ฝึกการแปลภาษาด้วย
วันเสาร์ที่ 26 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง I'm Yours ของศิลปิน Jason Mraz จาก https://www.youtube.com/watch?v=EkHTsc9PU2A เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้เพลงนี้ในการฝึกทักษะการฟังเพราะ เพลงนี้เป็นเพลงที่ดิฉันชอบมาก ฟังเป็นประจำ แต่ก็ไม่สามารถจำเนื้อเพลงและร้องตามได้ตลอดทั้งเพลง ตั้งแต่ดิฉันเข้าเรียนในตอนปีหนึ่ง บ่อยครั้งที่ดิฉันเลือกเพลงนี้ในการทำงานส่งอาจารย์  ซึ่งเป็นเพราะดิฉันชอบฟัง ฟังแล้วสบายใจ ซึ่งในช่วงแรก ดิฉันก็ฟังตามปกติ เหมือนกับทุกๆครั้งที่ฟังมา ฟังในขณะที่ทำการบ้าน กวาดห้อง ล้างจาน หรือแม้กระทั้งตอนอาบน้ำ ซึ่งเพลงนี้มีจังหวะที่ช้าบ้าง เร็วบ้าง สลับกันไป และจากการที่ฟังมาหลายๆรอบ และการฟังโดยมีเนื้อเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษประกอบอยู่ด้วยดิฉันก็สามารถสรุปได้ว่า เพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ความรักที่ต้องการให้อีกคนรักตอบ นักร้องอ้างถึงผู้ชายที่กำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้วต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นของเขา และเขาก็ต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นรักเขาเหมือนที่เขารักเธอ เปิดใจรับความรักที่เขามีให้เธอ และในที่สุดเขาก็จะไม่รอให้เธอรับรักอีกต่อไป เพราะเขาคิดว่าเวลาคนเราสั้นมาก นี่คือชะตาชีวิตของเขาและเธอ ฉะนั้นเขาจะรักเธอ ด้วยประโยคที่ว่า คือ I’m yours หมายถึง ฉันเป็นของเธอ ซึ่งจากการฝึกการฟังในวันนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งทักษะการฟัง การอ่านและการแปลด้วย
วันอาทิตย์ที่ 27 – วันจันทร์ที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากฟังวีดิโอการสอนเกี่ยวกับเรื่อง Learn English Listening Skills - How to understand native English speakers จาก https://www.youtube.com/watch?v=ssuiqtreiBg ความยาวของวีดิโอ ประมาน 20 นาที เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้วีดิโอนี้ในการฝึกทักษะการฟัง เพราะใช้ภาษาในการสอนที่เข้าใจง่าย และมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ Keys to Better Listening Comprehension คือ กุญแจที่นำไปสู่ความสามารถในการการฟังที่ดีขึ้น  ได้แก่ 1) Understand what makes native speakers hard to understand. เรียนรู้และเข้าใจในสิ่งที่เจ้าของภาษาพูด คือ - The great number of vowels and diphthongs in English, some of them very similar to each other.สระและคำควบกล้ำในภาษาอังกฤษจำนวนมากมีบางส่วนที่คล้าย ๆ กัน และ - The way that native speakers shorten and link sounds.   วิธีการที่เจ้าของภาษาพูดคือ จะใช้เสียงสั้นและมีการเชื่อมโยงเสียงพยัญชนะกับสระ  2) Improve your own pronunciation. ปรับปรุงการออกเสียงของคุณเอง คือ ถ้าหากการอ่านหรือการพูดของเราใช้น้ำเสียงที่ถูกต้องก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาการฟังด้วยเพราะเราจะเกิดความเคยชินจากสิ่งที่เราพูดหรืออ่านมา เมื่อไปฟังก็จะทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราฟังคืออะไร เราจะเข้าใจสำเนียงของเจ้าของภาษาได้มากขึ้น3) Learn primarily with your ears rather than your eyes. เรียนรู้เกี่ยวเนื่องกับหูของคุณให้มากกว่าที่ตาของคุณ คือเรียนรู้จากการฟังมากกว่าการดู จะต้องฟังเพื่อจับใจความว่าสิ่งที่ฟังคืออะไร มีความหมายและความสำคัญอย่างไร เกี่ยวข้องกับเรื่องใดบ้าง โดยใช้การดูเพื่อจับใจความให้น้อยที่สุด ในวันจันทร์ที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำวีดิโอนี้มาฝึกทักษะการฟังอีกครั้ง ซึ่งเป็นทั้งการพัฒนาทักษะการฟังและได้เรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาการฟังซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียน รวมทั้งใช้ในชีวิตประจำวันในเรื่องต่างๆด้วย
จากการที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังในสัปดาห์นี้ ซึ่งเริ่มจาก วันอังคารที่ 22 – วันพุธที่ 23 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง Crush ของศิลปิน David Archuleta วันพฤหัสบดีที่ 24 – วันศุกร์ที่ 25 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูละครเรื่อง Antony and Cleopatra วันเสาร์ที่ 26 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง I'm Yours ของศิลปิน Jason Mraz และ วันอาทิตย์ที่ 27 วันจันทร์ที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังวีดิโอการสอนเกี่ยวกับเรื่อง Learn English Listening Skills - How to understand native English speakers ซึ่งสื่อที่ดิฉันใช้ฝึกในแต่ละวันมีเนื้อหาที่ดีมาก  เริ่มจากการฝึกทักษะจากเพลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดิฉันได้พัฒนาทักษะการฟังเพิ่มขึ้น หรือมันอาจจะเกิดจากความเคยชินที่ดิฉันฟังและแปลเพลงนั้นหลายๆครั้ง ดิฉันถือว่าดิฉันได้พัฒนาสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไป ต่อด้วยการฝึกจากการดูละคร  ซึ่งการฝึกทักษะในครั้งนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งการฟัง การอ่าน อีกทั้งได้ฝึกการแปลภาษาด้วย รวมทั้งได้รับความสนุกสนานความตื่นเต้น ตลอดระยะเวลา สามชั่วโมงที่นั่งดู และการฟังเพลงที่ชื่นชอบมานานแล้ว ซึ่งเป็นการเสริมแรงให้ตั้งใจฟังมากขึ้น ซึ่งจากการฝึกการฟังเพลงในวันนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งทักษะการฟัง การอ่านและการแปลด้วย และสุดท้ายของสัปดาห์นี้คือ วีดิโอพัฒนาทักษะความสามารถในการฟัง ซึ่งเป็นทั้งการพัฒนาทักษะการฟังและได้เรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาการฟังซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียน รวมทั้งใช้ในชีวิตประจำวันในเรื่องต่างๆด้วย ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ ดิฉันถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาทักษะการฟังของดิฉันเป็นอย่างมาก รวมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านการเรียน และการทำงานร่วมกับผู้อื่นซึ่งเป็นการพัฒนาการสื่อสารทางตัวอักษรและทางคำพูดได้ดีขึ้นด้วย

 

 


 

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น