การฝึกทักษะการฟัง
(22nd
September, 2015)
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน
ดิฉันคิดว่าได้พัฒนาทักษะการเขียนของดิฉันไปได้ขึ้นในระดับที่ดีพอสมควร ซึ่งทักษะการเขียนเป็นทักษะที่ฝึกยากที่สุดเพราะจะต้องใช้เวลาในการฝึกมาก
จะต้องใช้วิธีการฝึกอย่างเป็นลำดับขั้นตอนอย่างมากที่สุด ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนดังกล่าวจากการอ่านนิทานอีสปเรื่อง
The
Fox without a Tail, การเขียนโดยการเขียนบันทึกกิจวัตรประจำวันของดิฉันเอง, จากการเขียน เรียงความเรื่อง Father’s Day ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านๆมาดิฉันก็ได้ฝึกทักษะครบทั้งสี่ทักษะแล้ว
ก็คือ ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
ฉะนั้นดิฉันคิดว่าจะฝึกทั้งสี่ทักษะเหล่านี้
วนเวียนกันไปเรื่อยๆในทุกสัปดาห์เพิ่มเพิ่มพูนทักษะทั้งสี่ของดิฉันเอง
และจะไม่เกิดความเบื่อหน่ายในการฝึกแต่ละครั้ง
เพราะแต่ละสัปดาห์จะเปลี่ยนแปลงทักษะที่ฝึกอยู่ตลอดหรือบางทักษะที่มีความยาก เช่น
การอ่านและการเขียน อาจจะฝึกติดกันสองสัปดาห์ ซึ่งจะได้ไม่ซ้ำซาก จำเจ
ดังนั้นในสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ของการฝึกทักษะการฟัง ทักษะการฟังของดิฉันยังไม่ดีเท่าทีควร
ในการเรียนแต่ละครั้ง ไม่ว่ากับครูไทยหรือครูชาวต่างชาติ
บางครั้งดิฉันก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ครูพูด หรือบางครั้งเมื่อครูเปิดเทป
วีดิโอ ที่เป็นภาษาอังกฤษ
ดิฉันก็ยังฟังและสรุปเรื่องที่เขาพูดได้ไม่ค่อยถูกต้องและชัดเจนเท่าที่ควร
ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังตั้งแต่ วันอังคารที่ 22 เดือน
กันยายน พ.ศ.2558 – วันจันทร์ที่ 28 เดือน
กันยายน พ.ศ.2558
วันอังคารที่
22
– วันพุธที่ 23 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง Crush ของศิลปิน
David Archuleta จาก https://www.youtube.com/watch?v=6J1-eYBbspA เหตุผลที่ดิฉันเลือกฝึกทักษะการฟัง จากเพลงนี้
เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่มีความไพเราะมาก รวมทั้ง David Archuleta
เป็นศิลปินที่ดิฉันชื่นชอบมาก
ซึ่งในช่วงแรกดิฉันจะฟังโดยไม่มีเนื้อเพลงประกอบอยู่ด้วย
ดิฉันก็ฟังเข้าใจเป็นบางช่วงบางตอน ว่ามันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องความรัก
แต่จะเป็นรักแบบไหนดิฉันยังไม่ทราบ จากนั้นดิฉันก็เริ่มเปิดวีดิโอที่มีเนื้อเพลงประกอบอยู่ด้วย
ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ ในที่นี้ดิฉันได้ฝึกทั้งทักษะการฟังและการอ่านควบคู่กันไป
และดิฉันก็แปลได้ว่าเนื้อเพลง กล่าวถึง
ความรักของผู้ที่มีให้กับหญิงคนรักซึ่งเป็นเพื่อนกันแต่จู่ๆ
ความรู้สึกก็เปลี่ยนแปลงจากเพื่อนกลายเป็นคนรัก
คนที่เขาเห็นแล้วเหมือนกับเขาหยุดหายใจไปอัตโนมัติ
แต่เขาไม่รู้ตัวว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขาอยู่ตอนนี้มันเรียกว่าอะไร
ในความรู้สึกของเขาผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนหรือแฟนกันแน่ และเขาก็อยากจะรู้ว่าผู้หญิงผู้ซึ่งทำให้เขารู้สึกแบบนี้
เธอคิดเหมือนกับเขาหรือเปล่า และหลังจากนั้นดิฉันก็ฟังต่ออีกหลายๆรอบ
และใช้วีดิโอที่มีเนื้อเพลงประกอบเป็นภาษาไทยเพื่อทดสอบทั้งทักษะการฟัง
และทักษะการอ่าน รวมทั้งการแปลของดิฉันด้วย ในวันพุธที่ 23 เดือน กันยายน พ.ศ.2558
ดิฉันได้นำเพลงนี้มาฟังอีกหลายๆรอบเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง
ว่าจากเมื่อวานที่ดิฉันทั้งฟัง ทั้งอ่าน และทั้งแปลเนื้อหาของเพลงไป
เมื่อดิฉันมาฟังอีกครั้งดิฉันจะฟังเข้าใจมากน้อยเพียงใด
ซึ่งในที่นี้ดิฉันได้ฝึกการจำไปด้วย ผลที่เกิดขึ้นคือ ดิฉันจำเนื้อหาและคำศัพท์ในเพลงได้ว่าแปลว่าอย่างไรบ้าง
ซึ่งแสดงว่าดิฉันได้พัฒนาทักษะการฟังเพิ่มขึ้น
หรือมันอาจเกิดจากความเคยชินที่ดิฉันฟังและแปลหลายๆครั้ง
ดิฉันถือว่าดิฉันได้พัฒนาสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไป
วันพฤหัสบดีที่
24
– วันศุกร์ที่ 25 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูละครเรื่อง Antony and Cleopatra
จาก https://www.youtube.com/watch?v=2F7TPVHcIhs ความยาวของละคร ประมาณ 2 ชั่วโมง
54 นาที เหตุผลที่ดิฉันเลือกดูละครเรื่องนี้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังเพราะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ William Shakespeare เป็นผู้แต่ง ซึ่งดิฉันกำลังเรียนวิชา วรรณคดีภาษาอังกฤษอยู่
และเนื้อหาที่เรียนอยู่ก็เกี่ยวกับผลงานของ William Shakespeare อาจารย์ผู้สอนวิชาดังกล่าวท่านบอกว่าเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมาก
ดิฉันจึงเลือกหนังเรื่องนี้ในการฝึก
ซึ่งในช่วงแรกดิฉันก็ดูโดยไม่มีเนื้อเรื่องประกอบ
คือฟังเสียงและดูรูปภาพเพียงอย่างเดียว 1
รอบ เพราะหนังเรื่องนี้มีความยาวมาก หลังจากการดูในรอบแรก
ดิฉันทราบเพียงแค่ว่าเป็นละครโศกนาฏกรรม
ที่เป็นการสูญเสียและในเรื่องก็มีความรักที่ผิดหวังมาเกี่ยวข้องด้วย ในวันศุกร์ที่
25 เดือน กันยายน พ.ศ.2558
ดิฉันก็ได้นำละครเรื่องนี้มาเปิดดูอีกครั้ง โดยครั้งนี้
ดิฉันเปิดวีดิโอที่มีเนื้อหาประกอบอยู่ด้วย แต่เป็นภาคภาษาอังกฤษ
ซึ่งจากที่ฟังมาครั้งแรก ดูจากภาพในวิดีโอและการแปลความหมายของคำบางคำที่เป็นศัพท์ศัพท์ยากในครั้งที่สองรวมทั้งจากที่เรียนมา
ก็สรุปได้ว่า เรามองว่าเป็นเพราะทั้งคู่เป็นรักต้องห้าม
เป็นคู่รักที่ละเมิดกฎเกณฑ์ทั้งหมดทั้งมวล แอนโทนีมีภรรยาอยู่แล้ว
ทั้งสองเป็นคนต่างชาติพันธุ์กัน ชาวอียิปต์สำหรับคนอังกฤษยุค Elizabethan และ Jacobean มองชาวอียิปต์และชาวยิปซีเป็นพวกเดียวกัน
ชาวยิปซีนั้นมักถูกมองว่าเป็นพวกสกปรกและไม่ต่างจากชนชั้นแรงงานอยู่แล้ว
ประเด็นเรื่องชาว"อียิปต์" ที่เป็นราชินีนั้นจึงดูขัดแย้งกันและที่สำคัญ
คลีโอพัตราเป็นผู้หญิงที่ท้าทายขนบเพศสถานะและเพศวิถีทั้งหมด ตัวเรื่องพูดถึงคลีโอพัตราเคยปลดดาบออกจากชุดของแอนโทนี่
และมีการตีความว่าทั้งคู่แต่งตัวสลับกันเพื่อเล่นสนุกและเกี้ยวพาราสีกัน คลีโอพัตราและแอนโทนีจึงต้องถูกกำจัดโดยที่ไม่มีการต่อรองใดๆและการเห็นแก่อำนาจและไม่ยอมรับความแตกต่างอาจนำมาสู่โศกนาฏกรรมที่คาดไม่ถึง
ซึ่งการฝึกทักษะในครั้งนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งการฟัง การอ่าน
อีกทั้งได้ฝึกการแปลภาษาด้วย
วันเสาร์ที่
26
เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง
I'm Yours ของศิลปิน Jason Mraz จาก https://www.youtube.com/watch?v=EkHTsc9PU2A เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้เพลงนี้ในการฝึกทักษะการฟังเพราะ
เพลงนี้เป็นเพลงที่ดิฉันชอบมาก ฟังเป็นประจำ
แต่ก็ไม่สามารถจำเนื้อเพลงและร้องตามได้ตลอดทั้งเพลง
ตั้งแต่ดิฉันเข้าเรียนในตอนปีหนึ่ง
บ่อยครั้งที่ดิฉันเลือกเพลงนี้ในการทำงานส่งอาจารย์ ซึ่งเป็นเพราะดิฉันชอบฟัง ฟังแล้วสบายใจ ซึ่งในช่วงแรก
ดิฉันก็ฟังตามปกติ เหมือนกับทุกๆครั้งที่ฟังมา ฟังในขณะที่ทำการบ้าน กวาดห้อง
ล้างจาน หรือแม้กระทั้งตอนอาบน้ำ ซึ่งเพลงนี้มีจังหวะที่ช้าบ้าง เร็วบ้าง
สลับกันไป และจากการที่ฟังมาหลายๆรอบ และการฟังโดยมีเนื้อเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษประกอบอยู่ด้วยดิฉันก็สามารถสรุปได้ว่า
เพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ความรักที่ต้องการให้อีกคนรักตอบ
นักร้องอ้างถึงผู้ชายที่กำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งแล้วต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นของเขา
และเขาก็ต้องการให้ผู้หญิงคนนั้นรักเขาเหมือนที่เขารักเธอ เปิดใจรับความรักที่เขามีให้เธอ
และในที่สุดเขาก็จะไม่รอให้เธอรับรักอีกต่อไป เพราะเขาคิดว่าเวลาคนเราสั้นมาก
นี่คือชะตาชีวิตของเขาและเธอ ฉะนั้นเขาจะรักเธอ ด้วยประโยคที่ว่า คือ I’m
yours หมายถึง ฉันเป็นของเธอ ซึ่งจากการฝึกการฟังในวันนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งทักษะการฟัง
การอ่านและการแปลด้วย
วันอาทิตย์ที่
27
– วันจันทร์ที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากฟังวีดิโอการสอนเกี่ยวกับเรื่อง Learn
English Listening Skills - How to understand native English speakers จาก https://www.youtube.com/watch?v=ssuiqtreiBg ความยาวของวีดิโอ ประมาน 20 นาที
เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้วีดิโอนี้ในการฝึกทักษะการฟัง
เพราะใช้ภาษาในการสอนที่เข้าใจง่าย และมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ
Keys to Better Listening Comprehension คือ
กุญแจที่นำไปสู่ความสามารถในการการฟังที่ดีขึ้น
ได้แก่ 1) Understand what makes native
speakers hard to understand. เรียนรู้และเข้าใจในสิ่งที่เจ้าของภาษาพูด
คือ - The great number of vowels and diphthongs in English, some of them
very similar to each other.สระและคำควบกล้ำในภาษาอังกฤษจำนวนมากมีบางส่วนที่คล้าย
ๆ กัน และ - The way that native speakers shorten and link sounds. วิธีการที่เจ้าของภาษาพูดคือ จะใช้เสียงสั้นและมีการเชื่อมโยงเสียงพยัญชนะกับสระ
2) Improve
your own pronunciation. ปรับปรุงการออกเสียงของคุณเอง คือ
ถ้าหากการอ่านหรือการพูดของเราใช้น้ำเสียงที่ถูกต้องก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาการฟังด้วยเพราะเราจะเกิดความเคยชินจากสิ่งที่เราพูดหรืออ่านมา
เมื่อไปฟังก็จะทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราฟังคืออะไร
เราจะเข้าใจสำเนียงของเจ้าของภาษาได้มากขึ้น3) Learn
primarily with your ears rather than your eyes. เรียนรู้เกี่ยวเนื่องกับหูของคุณให้มากกว่าที่ตาของคุณ
คือเรียนรู้จากการฟังมากกว่าการดู จะต้องฟังเพื่อจับใจความว่าสิ่งที่ฟังคืออะไร
มีความหมายและความสำคัญอย่างไร เกี่ยวข้องกับเรื่องใดบ้าง
โดยใช้การดูเพื่อจับใจความให้น้อยที่สุด ในวันจันทร์ที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำวีดิโอนี้มาฝึกทักษะการฟังอีกครั้ง
ซึ่งเป็นทั้งการพัฒนาทักษะการฟังและได้เรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาการฟังซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียน
รวมทั้งใช้ในชีวิตประจำวันในเรื่องต่างๆด้วย
จากการที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังในสัปดาห์นี้
ซึ่งเริ่มจาก วันอังคารที่ 22 – วันพุธที่ 23 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง
Crush ของศิลปิน David Archuleta วันพฤหัสบดีที่ 24
– วันศุกร์ที่ 25 เดือน กันยายน พ.ศ.2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูละครเรื่อง Antony and
Cleopatra วันเสาร์ที่ 26 เดือน กันยายน พ.ศ.2558
ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังเพลง I'm Yours ของศิลปิน Jason Mraz และ วันอาทิตย์ที่ 27 –
วันจันทร์ที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟังวีดิโอการสอนเกี่ยวกับเรื่อง
Learn English Listening Skills - How to understand native English
speakers ซึ่งสื่อที่ดิฉันใช้ฝึกในแต่ละวันมีเนื้อหาที่ดีมาก เริ่มจากการฝึกทักษะจากเพลง
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดิฉันได้พัฒนาทักษะการฟังเพิ่มขึ้น
หรือมันอาจจะเกิดจากความเคยชินที่ดิฉันฟังและแปลเพลงนั้นหลายๆครั้ง
ดิฉันถือว่าดิฉันได้พัฒนาสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไป ต่อด้วยการฝึกจากการดูละคร ซึ่งการฝึกทักษะในครั้งนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งการฟัง
การอ่าน อีกทั้งได้ฝึกการแปลภาษาด้วย รวมทั้งได้รับความสนุกสนานความตื่นเต้น
ตลอดระยะเวลา สามชั่วโมงที่นั่งดู และการฟังเพลงที่ชื่นชอบมานานแล้ว
ซึ่งเป็นการเสริมแรงให้ตั้งใจฟังมากขึ้น
ซึ่งจากการฝึกการฟังเพลงในวันนี้ดิฉันได้ฝึกทั้งทักษะการฟัง การอ่านและการแปลด้วย และสุดท้ายของสัปดาห์นี้คือ
วีดิโอพัฒนาทักษะความสามารถในการฟัง ซึ่งเป็นทั้งการพัฒนาทักษะการฟังและได้เรียนรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาการฟังซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเรียน
รวมทั้งใช้ในชีวิตประจำวันในเรื่องต่างๆด้วย ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้
ดิฉันถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาทักษะการฟังของดิฉันเป็นอย่างมาก รวมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ทั้งในด้านการเรียน
และการทำงานร่วมกับผู้อื่นซึ่งเป็นการพัฒนาการสื่อสารทางตัวอักษรและทางคำพูดได้ดีขึ้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น