วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (6th October, 2015)

การฝึกทักษะการอ่าน
(6th October, 2015)
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันใช้สื่อต่างๆในการพัฒนาทักษะการพูด ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากเช่นกัน ดิฉันได้ใช้สื่อต่างๆ ดังนี้ ครั้งแรกดิฉันฝึกทักษะการพูดจากวีดีโอ เรื่อง How to improve your English speaking skills จากนั้น ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดจาก บทสนทนา เรื่อง English Conversation Learn English Speaking English Subtitles และตามด้วยฝึกทักษะการพูดจากการดูบทสนทนา เรื่อง English Conversation 06 ซึ่งสื่อทั้งหมดดังกล่าวที่ดิฉันใช้สำหรับฝึกทักษะการพูด มีความน่าสนใจ และง่ายต่อการเข้าใจและการฝึกพูดตาม ดิฉันใช้รูปแบบการฝึกคล้ายๆกับครั้งอื่นๆที่ผ่านมา คือ การฝึกในครั้งแรก ดิฉันจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสื่อต่างๆก่อนและเริ่มฝึกการพูดจากสื่อนั้นๆ จากนั้นในวันต่อไปก็นำเรื่องที่ฝึกมาทบทวนและฝึกทักษะการพูดอีกครั้ง  ซึ่งก็เป็นการฝึกทักษะการพูดครั้งที่ 2 ที่ดิฉันได้ฝึกมา ฉะนั้นในครั้งนี้ก็จะเป็นการฝึกทักษะการอ่าน ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากเช่นกัน สำหรับตัวดิฉันเองมีปัญหาเรื่องการอ่านมาก ดิฉันยังไม่สามารถอ่านบทความหรืองานเขียนต่างๆ ได้อย่างเข้าใจ และตีความหรือสรุปใจความสำคัญของเรื่องต่างๆที่อ่านได้พอสมควร ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดไปแล้ว จึงต้องต่อเนื่องด้วยการฝึกทักษะการอ่าน เพราะทักษะทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กัน และเมื่อดิฉันเริ่มมีทักษะในการพูดมาพอสมควรแล้ว ก็สามารถเป็นพื้นฐานในการอ่านได้มากพอสมควร แต่การฝึกทักษะการอ่านนั้น จะมีความยากมากกว่าการพูด เพราะการอ่านในเรื่องใดๆก็แล้วแต่ เราจะต้องใช้เวลาในการอ่าน การแปลความหมาย การฝึกออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง รวมทั้งการทำความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี จึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องที่อ่าน และสามารถอ่านได้คล่องแคล่ว ไม่ติดขัด ดิฉันจะฝึกทักษะการอ่านตั้งแต่ วันอังคารที่ 6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 – วันจันทร์ที่ 12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558

วันอังคารที่ 6 – วันพุธที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง Advanced technology จาก https://www.gotoknow.org/posts/476061 เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้สื่อชิ้นนี้ในการพัฒนาทักษะการอ่านของดิฉัน คือ บทความเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และเป็นเรื่องที่สำคัญมากในปัจจุบันนี้ที่เราทุกคนจำเป็นต้องรู้ และเป็นเนื้อหาที่สามารถอ่าน แล้วเข้าใจได้ง่ายเพราะใช้คำศัพท์ที่ไม่ยากจนเกินไป คือ ส่วนใหญ่จะใช้คำศัพท์ที่ดิฉันเคยพบเห็นอยู่บ่อยๆ ในการเรียนและในชีวิตประจำวัน จึงง่ายต่อการแปลและการทำความเข้าใจในเรื่องที่อ่าน และที่สำคัญมีเนื้อหาเป็นภาษาไทยที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เราแปล ว่าเราสามารถแปลได้ถูกต้องมากน้อยเพียงใด ช่วงแรกของการอ่านบทความคือ ดิฉันฝึกอ่านโดยไม่ได้ค้นหาคำศัพท์แต่ละคำว่าอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง ซึ่งเป็นการอ่านไปตามความรู้เดิมที่ดิฉันมี เพื่อจะเป็นการทดสอบว่าดิฉันมีคำศัพท์ที่สามารถจำได้มากน้อยเพียงใด และทดสอบความคล่องแคล่วในทักษะการอ่านของดิฉันด้วย จากนั้นดิฉันก็เริ่มหาคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่ทราบ แล้วเริ่มเรียบเรียงความหมายของเรื่องที่อ่าน ซึ่งสรุปได้ว่า ในศตวรรษที่ 20 กลางมนุษย์มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเพียงพอที่จะสร้างสรรค์ออกมาในเชิงรูปธรรม มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆมาเรื่อยๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระบวนการเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่พึงประสงค์จำนวนมากโดยผลิตภัณฑ์ที่รู้จักกันแพร่หลาย ซึ่งเป็นมลพิษและทำให้ทรัพยากรทางธรรมชาติหมดสิ้นลงทำให้เกิดความเสียหายแก่โลกและสภาพแวดล้อม รวมทั้งการใช้งานต่างๆของเทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อค่านิยมของสังคมและเทคโนโลยีใหม่มักจะก่อให้เกิดจริยธรรมและค่านิยมใหม่ ๆ ซึ่งเทคโนโลยีมีผลกระทบต่อสังคมและสภาพแวดล้อมในหลายวิธี ซึ่งเกิดขึ้นในสังคมจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้น จากนั้น ในวันพุธที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำบทความเรื่องนี้มาอ่านทบทวนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อการพัฒนาทักษะการอ่านของดิฉันให้คล่องแคล่วและดียิ่งขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ 8 – วันศุกร์ที่ 9 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง The Greenhouse Effect จาก http://icantranslate.blogspot.com/2014/greenhouse-effect.html สาเหตุที่ดิฉันเลือกใช้บทความนี้ในการพัฒนาการอ่านของดิฉัน คือ บทความเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และเป็นปัญหาที่ควรเร่งแก้ไขเป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกของการฝึก ดิฉันได้อ่านอย่างคร่าวๆ โดยการอ่านโดยไม่ค้นหาคำศัพท์ที่ดิฉันไม่ทราบว่าอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และแต่ละคำมีความหมายว่าอย่างไร ที่ดิฉันอ่านเช่นนี้เพราะว่า ดิฉันจะทดสอบคำศัพท์ ว่าดิฉันมีความรู้ในเรื่องคำศัพท์มากน้อยเพียงใด และเป็นการฝึกทักษะการอ่านของดิฉันให้คล่องแคล่วขึ้นด้วย จากนั้น ดิฉันได้นำบทความเรื่องนี้มาค้นหาคำศัพท์ยาก ที่ดิฉันยังไม่ทราบความหมายของมัน และเริ่มนำบทความดังกล่าวที่ดิฉันแปลมาเรียบเรียงเนื้อหา ตามความเข้าใจของดิฉันเอง ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า โลกจะเริ่มร้อนขึ้นในปี 1990 อากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในศตวรรษถัดไป ซึ่งน่านน้ำชายฝั่งจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการเกษตรกรรม และในเขตพื้นที่อบอุ่น จะแห้งแล้งมาก จำนวนน้ำจะลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้ผลิตผลทางการเกษตรลดลง ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น ก็เพราะว่ามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไปในอากาศ เมื่อมีการเผาผลาญน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน สิ่งนี้จะสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก มนุษย์ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 5000 ล้านตัน ขึ้นไปในบรรยากาศทุกปี จำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าใน 50 ปี ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ผ่านเข้ามาในบรรยากาศโลกได้มากขึ้น จากนั้นในวันศุกร์ที่ 9 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำบทความเรื่องนี้มาอ่านทบทวนอีกครั้ง เพื่อทดสอบความจำในเรื่องคำศัพท์และเนื้อหาที่สรุปไป และที่สำคัญ คือ เป็นการเพิ่มทักษะการอ่านของดิฉันให้ดียิ่งขึ้น
วันเสาร์ที่ 10 ,วันอาทิตย์ที่ 11และ วันจันทร์ที่ 12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านนิทานภาษาอังกฤษ เรื่อง The Princess and the Pea จาก http://geteng.blogspot.com/2013/07/train-english_8260.html สาเหตุที่ดิฉันเลือกใช้นิทานเรื่องนี้ในอ่านฝึกทักษะการอ่าน คือ มีเนื้อหาและข้อคิดที่น่าสนใจ และการฝึกทักษะการอ่านในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พัฒนาการอ่านของดิฉันเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเรียนรู้และเพิ่มพูนความรู้ ในเรื่อง Tense ต่างๆ คือ Present Tense, Past Tense, Future Tense, Passive Voice ซึ่งเป็นการนำไปใช้ในประโยคต่างๆในนิทานเรื่องนี้ ในการอ่านช่วงแรก ดิฉันอ่านโดยไม่ค้นหาคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่ทราบความหมายและการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะดิฉันจะทดสอบคำศัพท์ ว่าดิฉันมีความรู้ในเรื่องคำศัพท์มากน้อยเพียงใด และเป็นการฝึกทักษะการอ่านของดิฉันให้คล่องแคล่วขึ้นด้วย จากนั้นดิฉันก็เริ่มแปลความหมายของคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่ทราบความหมาย และการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง เมื่อค้าหาเสร็จ ก็เริ่มนำเนื้อหาที่แปล มาเรียบเรียง สามารถสรุปได้ ดังนี้ กาลครั้งหนึ่งมีเจ้าชายพระองค์หนึ่งต้องการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง แต่มีข้อแม้ว่าผู้ที่จะอภิเษกสมรสด้วยนั้นจะต้องเป็นเจ้าหญิงจริงๆ พระองค์จึงได้ออกเดินทางไปทั่วทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่มีที่ใดที่พระองค์ได้ในสิ่งที่ต้องการ มีเจ้าหญิงอยู่มากพอแต่ก็ยากที่จะรู้ได้ว่ามีผู้ที่เป็นเจ้าหญิงจริงๆหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เจ้าชายจึงเดินทางกลับด้วยความเศร้าใจ บ่ายวันหนึ่งเกิดมีพายุที่น่ากลัวเคลื่อนตัวเข้ามา ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มีเจ้าหญิงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู แต่พายุที่โหมกระหน่ำทำให้เธอมีสภาพที่ไม่ดี และเธอได้บอกว่าเธอคือเจ้าหญิงตัวจริง ราชินีคิดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ราชินีเดินเข้าไปในห้องนอน เอาเครื่องนอนทั้งหมดออกจากเตียงแล้ววางฝักถั่วไว้ด้านล่าง จากนั้นเธอก็เอาที่นอนยี่สิบชั้นวางทับฝักถั่วไว้และทับด้วยผ้านวมยี่สิบผืนอีกทีหนึ่ง เจ้าหญิงต้องนอนบนนั้นทั้งคืน ในเช้าวันรุ่งขึ้นราชินีได้ถามเจ้าหญิงว่าเธอนอนบนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าหญิงตอบว่า หม่อมฉันแทบจะหลับตาไม่ลง มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าอะไรอยู่ในเตียงนั่น หม่อมฉันเหมือนนอนทับบางอย่างที่แข็งๆมันแย่มากๆ ตอนนี้ราชินีรู้แล้วว่าเธอคือเจ้าหญิงตัวจริงเพราะไม่มีใครที่สามารถไวต่อความรู้สึกเช่นนั้นได้นอกจากเจ้าหญิง ดังนั้น เจ้าชายจึงได้รับเธอคนนั้นมาเป็นเจ้าหญิงของพระองค์ ในตอนนี้พระองค์รู้แล้วว่าได้เจ้าหญิงตัวจริงมาเป็นคู่ครอง และถั่วฝักนั้นก็ได้ถูกนำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่อาจจะยังคงมีให้เห็นอยู่ก็ได้ถ้าไม่มีใครขโมยมันไปก่อน จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 11 และวันจันทร์ที่ 12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำนิทานเรื่องดังกล่าวมาอ่านทบทวนอีกครั้งเพื่อนเป็นการทดสอบในการจำคำศัพท์ต่างๆ รวมทั้งเนื้อหาด้วย รวมไปถึงการพัฒนาทักษะการอ่านของดิฉันได้ดียิ่งขึ้นด้วย

จากการฝึกทักษะการอ่านในสัปดาห์นี้ ดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านเป็นอย่างมากพอสมควร การอ่านในเรื่องใดๆก็แล้วแต่ เราจะต้องใช้เวลาในการอ่าน การแปลความหมาย การฝึกออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง รวมทั้งการทำความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี จึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องที่อ่านได้ ซึ่งในวันอังคารที่ 6 – วันพุธที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง Advanced technology จาก https://www.gotoknow.org/posts/476061 วันพฤหัสบดีที่ 8 – วันศุกร์ที่ 9 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง The Greenhouse Effect จาก http://icantranslate.blogspot.com/2014/greenhouse-effect.html และ  วันเสาร์ที่ 10 ,วันอาทิตย์ที่ 11และ วันจันทร์ที่ 12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านนิทานภาษาอังกฤษ เรื่อง The Princess and the Pea จาก http://geteng.blogspot.com/2013/07/train-english_8260.html ในบทความแรกที่ใช้ฝึกจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆมาเรื่อยๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระบวนการเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่พึงประสงค์จำนวนมากโดยผลิตภัณฑ์ที่รู้จักกันแพร่หลาย ซึ่งเป็นมลพิษและทำให้ทรัพยากรทางธรรมชาติหมดสิ้นลงทำให้เกิดความเสียหายแก่โลกและสภาพแวดล้อม บทความที่สองคือ เรื่อง สาเหตุของการเกิดภาวะเรือนกระจก คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไปในอากาศ เมื่อมีการเผาผลาญน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน สิ่งนี้จะสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก มนุษย์ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 5000 ล้านตัน ขึ้นไปในบรรยากาศทุกปี จำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าใน 50 ปี ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ผ่านเข้ามาในบรรยากาศโลกได้มากขึ้น และสุดท้าย คือนิทาน เรื่อง Princess and the Pea ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหญิงและเจ้าชาย ที่เป็นการใช้วิธีเล่ห์เหลี่ยมในการทดสอบความเป็นเจ้าหญิง ซึ่งการอ่านนิทานในครั้งนี้ นอกจากได้ฝึกทักษะการอ่านแล้วยังสามารถเป็นการเรียนรู้และเพิ่มพูนความรู้ ในเรื่อง Tense ต่างๆ คือ Present Tense, Past Tense, Future Tense, Passive Voice ซึ่งเป็นการนำไปใช้ในประโยคต่างๆในนิทานเรื่องนี้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนและการทำงานต่างๆเกี่ยวกับภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น