การฝึกทักษะการอ่าน
(6th October, 2015)
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันใช้สื่อต่างๆในการพัฒนาทักษะการพูด
ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากเช่นกัน ดิฉันได้ใช้สื่อต่างๆ ดังนี้
ครั้งแรกดิฉันฝึกทักษะการพูดจากวีดีโอ เรื่อง How to improve your English speaking skills จากนั้น
ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดจาก บทสนทนา เรื่อง English Conversation Learn
English Speaking English Subtitles และตามด้วยฝึกทักษะการพูดจากการดูบทสนทนา
เรื่อง English Conversation 06 ซึ่งสื่อทั้งหมดดังกล่าวที่ดิฉันใช้สำหรับฝึกทักษะการพูด
มีความน่าสนใจ และง่ายต่อการเข้าใจและการฝึกพูดตาม
ดิฉันใช้รูปแบบการฝึกคล้ายๆกับครั้งอื่นๆที่ผ่านมา คือ การฝึกในครั้งแรก
ดิฉันจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสื่อต่างๆก่อนและเริ่มฝึกการพูดจากสื่อนั้นๆ
จากนั้นในวันต่อไปก็นำเรื่องที่ฝึกมาทบทวนและฝึกทักษะการพูดอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นการฝึกทักษะการพูดครั้งที่ 2 ที่ดิฉันได้ฝึกมา ฉะนั้นในครั้งนี้ก็จะเป็นการฝึกทักษะการอ่าน
ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากเช่นกัน สำหรับตัวดิฉันเองมีปัญหาเรื่องการอ่านมาก
ดิฉันยังไม่สามารถอ่านบทความหรืองานเขียนต่างๆ ได้อย่างเข้าใจ และตีความหรือสรุปใจความสำคัญของเรื่องต่างๆที่อ่านได้พอสมควร
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดไปแล้ว
จึงต้องต่อเนื่องด้วยการฝึกทักษะการอ่าน เพราะทักษะทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กัน
และเมื่อดิฉันเริ่มมีทักษะในการพูดมาพอสมควรแล้ว
ก็สามารถเป็นพื้นฐานในการอ่านได้มากพอสมควร แต่การฝึกทักษะการอ่านนั้น
จะมีความยากมากกว่าการพูด เพราะการอ่านในเรื่องใดๆก็แล้วแต่
เราจะต้องใช้เวลาในการอ่าน การแปลความหมาย การฝึกออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง
รวมทั้งการทำความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี จึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องที่อ่าน
และสามารถอ่านได้คล่องแคล่ว ไม่ติดขัด ดิฉันจะฝึกทักษะการอ่านตั้งแต่ วันอังคารที่
6 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 – วันจันทร์ที่
12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558
วันอังคารที่ 6 – วันพุธที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558
ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง Advanced
technology จาก https://www.gotoknow.org/posts/476061 เหตุผลที่ดิฉันเลือกใช้สื่อชิ้นนี้ในการพัฒนาทักษะการอ่านของดิฉัน คือ
บทความเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจ
และเป็นเรื่องที่สำคัญมากในปัจจุบันนี้ที่เราทุกคนจำเป็นต้องรู้
และเป็นเนื้อหาที่สามารถอ่าน แล้วเข้าใจได้ง่ายเพราะใช้คำศัพท์ที่ไม่ยากจนเกินไป
คือ ส่วนใหญ่จะใช้คำศัพท์ที่ดิฉันเคยพบเห็นอยู่บ่อยๆ ในการเรียนและในชีวิตประจำวัน
จึงง่ายต่อการแปลและการทำความเข้าใจในเรื่องที่อ่าน และที่สำคัญมีเนื้อหาเป็นภาษาไทยที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เราแปล
ว่าเราสามารถแปลได้ถูกต้องมากน้อยเพียงใด ช่วงแรกของการอ่านบทความคือ
ดิฉันฝึกอ่านโดยไม่ได้ค้นหาคำศัพท์แต่ละคำว่าอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง
ซึ่งเป็นการอ่านไปตามความรู้เดิมที่ดิฉันมี
เพื่อจะเป็นการทดสอบว่าดิฉันมีคำศัพท์ที่สามารถจำได้มากน้อยเพียงใด
และทดสอบความคล่องแคล่วในทักษะการอ่านของดิฉันด้วย จากนั้นดิฉันก็เริ่มหาคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่ทราบ
แล้วเริ่มเรียบเรียงความหมายของเรื่องที่อ่าน ซึ่งสรุปได้ว่า ในศตวรรษที่ 20
กลางมนุษย์มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเพียงพอที่จะสร้างสรรค์ออกมาในเชิงรูปธรรม
มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆมาเรื่อยๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระบวนการเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่พึงประสงค์จำนวนมากโดยผลิตภัณฑ์ที่รู้จักกันแพร่หลาย
ซึ่งเป็นมลพิษและทำให้ทรัพยากรทางธรรมชาติหมดสิ้นลงทำให้เกิดความเสียหายแก่โลกและสภาพแวดล้อม
รวมทั้งการใช้งานต่างๆของเทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อค่านิยมของสังคมและเทคโนโลยีใหม่มักจะก่อให้เกิดจริยธรรมและค่านิยมใหม่
ๆ ซึ่งเทคโนโลยีมีผลกระทบต่อสังคมและสภาพแวดล้อมในหลายวิธี ซึ่งเกิดขึ้นในสังคมจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้น
จากนั้น ในวันพุธที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำบทความเรื่องนี้มาอ่านทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อการพัฒนาทักษะการอ่านของดิฉันให้คล่องแคล่วและดียิ่งขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ 8 – วันศุกร์ที่ 9 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558
ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง The
Greenhouse Effect จาก http://icantranslate.blogspot.com/2014/greenhouse-effect.html สาเหตุที่ดิฉันเลือกใช้บทความนี้ในการพัฒนาการอ่านของดิฉัน คือ
บทความเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าสนใจ และเป็นปัญหาที่ควรเร่งแก้ไขเป็นอย่างมาก
ซึ่งในช่วงแรกของการฝึก ดิฉันได้อ่านอย่างคร่าวๆ โดยการอ่านโดยไม่ค้นหาคำศัพท์ที่ดิฉันไม่ทราบว่าอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง
และแต่ละคำมีความหมายว่าอย่างไร ที่ดิฉันอ่านเช่นนี้เพราะว่า ดิฉันจะทดสอบคำศัพท์
ว่าดิฉันมีความรู้ในเรื่องคำศัพท์มากน้อยเพียงใด
และเป็นการฝึกทักษะการอ่านของดิฉันให้คล่องแคล่วขึ้นด้วย จากนั้น ดิฉันได้นำบทความเรื่องนี้มาค้นหาคำศัพท์ยาก
ที่ดิฉันยังไม่ทราบความหมายของมัน
และเริ่มนำบทความดังกล่าวที่ดิฉันแปลมาเรียบเรียงเนื้อหา ตามความเข้าใจของดิฉันเอง
ซึ่งสามารถสรุปได้ว่า โลกจะเริ่มร้อนขึ้นในปี 1990 อากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในศตวรรษถัดไป
ซึ่งน่านน้ำชายฝั่งจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการเกษตรกรรม และในเขตพื้นที่อบอุ่น
จะแห้งแล้งมาก จำนวนน้ำจะลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้ผลิตผลทางการเกษตรลดลง ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น
ก็เพราะว่ามีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไปในอากาศ เมื่อมีการเผาผลาญน้ำมัน ก๊าซ
ถ่านหิน สิ่งนี้จะสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก
มนุษย์ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 5000 ล้านตัน ขึ้นไปในบรรยากาศทุกปี
จำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าใน 50 ปี
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ผ่านเข้ามาในบรรยากาศโลกได้มากขึ้น
จากนั้นในวันศุกร์ที่ 9 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำบทความเรื่องนี้มาอ่านทบทวนอีกครั้ง
เพื่อทดสอบความจำในเรื่องคำศัพท์และเนื้อหาที่สรุปไป และที่สำคัญ คือ
เป็นการเพิ่มทักษะการอ่านของดิฉันให้ดียิ่งขึ้น
วันเสาร์ที่ 10 ,วันอาทิตย์ที่ 11และ วันจันทร์ที่ 12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านนิทานภาษาอังกฤษ
เรื่อง The Princess and the Pea จาก http://geteng.blogspot.com/2013/07/train-english_8260.html สาเหตุที่ดิฉันเลือกใช้นิทานเรื่องนี้ในอ่านฝึกทักษะการอ่าน คือ
มีเนื้อหาและข้อคิดที่น่าสนใจ และการฝึกทักษะการอ่านในครั้งนี้
ไม่เพียงแต่พัฒนาการอ่านของดิฉันเพียงอย่างเดียว
แต่เป็นการเรียนรู้และเพิ่มพูนความรู้ ในเรื่อง Tense ต่างๆ
คือ Present Tense, Past Tense, Future Tense, Passive Voice
ซึ่งเป็นการนำไปใช้ในประโยคต่างๆในนิทานเรื่องนี้ ในการอ่านช่วงแรก ดิฉันอ่านโดยไม่ค้นหาคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่ทราบความหมายและการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง
ทั้งนี้เพราะดิฉันจะทดสอบคำศัพท์ ว่าดิฉันมีความรู้ในเรื่องคำศัพท์มากน้อยเพียงใด
และเป็นการฝึกทักษะการอ่านของดิฉันให้คล่องแคล่วขึ้นด้วย
จากนั้นดิฉันก็เริ่มแปลความหมายของคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่ทราบความหมาย
และการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง เมื่อค้าหาเสร็จ ก็เริ่มนำเนื้อหาที่แปล
มาเรียบเรียง สามารถสรุปได้ ดังนี้ กาลครั้งหนึ่งมีเจ้าชายพระองค์หนึ่งต้องการอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง
แต่มีข้อแม้ว่าผู้ที่จะอภิเษกสมรสด้วยนั้นจะต้องเป็นเจ้าหญิงจริงๆ
พระองค์จึงได้ออกเดินทางไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
แต่ก็ไม่มีที่ใดที่พระองค์ได้ในสิ่งที่ต้องการ
มีเจ้าหญิงอยู่มากพอแต่ก็ยากที่จะรู้ได้ว่ามีผู้ที่เป็นเจ้าหญิงจริงๆหรือไม่
ด้วยเหตุนี้เจ้าชายจึงเดินทางกลับด้วยความเศร้าใจ บ่ายวันหนึ่งเกิดมีพายุที่น่ากลัวเคลื่อนตัวเข้ามา
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น มีเจ้าหญิงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตู
แต่พายุที่โหมกระหน่ำทำให้เธอมีสภาพที่ไม่ดี และเธอได้บอกว่าเธอคือเจ้าหญิงตัวจริง
ราชินีคิดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ราชินีเดินเข้าไปในห้องนอน เอาเครื่องนอนทั้งหมดออกจากเตียงแล้ววางฝักถั่วไว้ด้านล่าง
จากนั้นเธอก็เอาที่นอนยี่สิบชั้นวางทับฝักถั่วไว้และทับด้วยผ้านวมยี่สิบผืนอีกทีหนึ่ง
เจ้าหญิงต้องนอนบนนั้นทั้งคืน ในเช้าวันรุ่งขึ้นราชินีได้ถามเจ้าหญิงว่าเธอนอนบนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เจ้าหญิงตอบว่า “หม่อมฉันแทบจะหลับตาไม่ลง
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าอะไรอยู่ในเตียงนั่น
หม่อมฉันเหมือนนอนทับบางอย่างที่แข็งๆมันแย่มากๆ” ตอนนี้ราชินีรู้แล้วว่าเธอคือเจ้าหญิงตัวจริงเพราะไม่มีใครที่สามารถไวต่อความรู้สึกเช่นนั้นได้นอกจากเจ้าหญิง
ดังนั้น เจ้าชายจึงได้รับเธอคนนั้นมาเป็นเจ้าหญิงของพระองค์
ในตอนนี้พระองค์รู้แล้วว่าได้เจ้าหญิงตัวจริงมาเป็นคู่ครอง
และถั่วฝักนั้นก็ได้ถูกนำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่อาจจะยังคงมีให้เห็นอยู่ก็ได้ถ้าไม่มีใครขโมยมันไปก่อน
จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 11 และวันจันทร์ที่ 12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำนิทานเรื่องดังกล่าวมาอ่านทบทวนอีกครั้งเพื่อนเป็นการทดสอบในการจำคำศัพท์ต่างๆ
รวมทั้งเนื้อหาด้วย รวมไปถึงการพัฒนาทักษะการอ่านของดิฉันได้ดียิ่งขึ้นด้วย
จากการฝึกทักษะการอ่านในสัปดาห์นี้
ดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านเป็นอย่างมากพอสมควร การอ่านในเรื่องใดๆก็แล้วแต่ เราจะต้องใช้เวลาในการอ่าน
การแปลความหมาย การฝึกออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง
รวมทั้งการทำความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี จึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องที่อ่านได้
ซึ่งในวันอังคารที่ 6 – วันพุธที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง Advanced
technology จาก https://www.gotoknow.org/posts/476061 วันพฤหัสบดีที่ 8 – วันศุกร์ที่ 9 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากบทความภาษาอังกฤษ
เรื่อง The Greenhouse Effect จาก http://icantranslate.blogspot.com/2014/greenhouse-effect.html และ วันเสาร์ที่ 10 ,วันอาทิตย์ที่ 11และ วันจันทร์ที่ 12 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านนิทานภาษาอังกฤษ
เรื่อง The Princess and the Pea จาก http://geteng.blogspot.com/2013/07/train-english_8260.html ในบทความแรกที่ใช้ฝึกจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆมาเรื่อยๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
กระบวนการเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่พึงประสงค์จำนวนมากโดยผลิตภัณฑ์ที่รู้จักกันแพร่หลาย
ซึ่งเป็นมลพิษและทำให้ทรัพยากรทางธรรมชาติหมดสิ้นลงทำให้เกิดความเสียหายแก่โลกและสภาพแวดล้อม
บทความที่สองคือ เรื่อง สาเหตุของการเกิดภาวะเรือนกระจก คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไปในอากาศ
เมื่อมีการเผาผลาญน้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน สิ่งนี้จะสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก
มนุษย์ได้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 5000 ล้านตัน ขึ้นไปในบรรยากาศทุกปี
จำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าใน 50 ปี
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ผ่านเข้ามาในบรรยากาศโลกได้มากขึ้น
และสุดท้าย คือนิทาน เรื่อง Princess and the Pea ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหญิงและเจ้าชาย
ที่เป็นการใช้วิธีเล่ห์เหลี่ยมในการทดสอบความเป็นเจ้าหญิง
ซึ่งการอ่านนิทานในครั้งนี้
นอกจากได้ฝึกทักษะการอ่านแล้วยังสามารถเป็นการเรียนรู้และเพิ่มพูนความรู้ ในเรื่อง
Tense ต่างๆ คือ Present Tense, Past Tense, Future
Tense, Passive Voice ซึ่งเป็นการนำไปใช้ในประโยคต่างๆในนิทานเรื่องนี้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนและการทำงานต่างๆเกี่ยวกับภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น