วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (15th September, 2015)

การฝึกทักษะการเขียน
 (15th September, 2015)
การฝึกทักษะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษมาเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งดิฉันรู้สึกว่า ทักษะการอ่านของข้าพเจ้าได้พัฒนาไปมากพอสมควร แต่การฝึกทักษะการอ่านเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลาในการฝึกทักษะนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน จากบทความ ดังนี้ บทความ เรื่อง  Drinking water before meals helps dietin, เรื่อง 10 Things You Can Do to Help Save the Earth และ เรื่อง Workout Routines for Women ซึ่งทั้ง 3 บทความมีเนื้อหาที่น่าสนใจและน่าอ่านมาก อีกทั้งคำศัพท์ส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์ที่อ่านง่ายและเข้าใจง่าย ซึ่งในตอนแรกดิฉันก็อ่านบทความนี้ไปประมาณเรื่องละ 3-4 ครั้ง คืออ่านโดยไม่ได้ค้นหาว่าคำศัพท์คำนั้นที่จริงแล้วต้องอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และคำศัพท์ยากแต่ละคำที่ดิฉันยังไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เพราะดิฉันจะลองฝึกทักษะการอ่านของดิฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง และทดสอบความจำเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆในสมองว่ามีเท่าไหร่ ซึ่งดิฉันคิดว่าจากการฝึกทักษะในสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านไปได้แล้วในระดับหนึ่ง ในสัปดาห์นี้ดิฉันจึงต้องการจะฝึกทักษะการเขียน ซึ่งเป็นทักษะที่ยากที่สุดสำหรับตัวดิฉันเอง ซึ่งการเขียน คือการสื่อสารชนิดหนึ่งของมนุษย์เราที่ต้องอาศัยความพยายามและฝึกฝน การเขียนเป็นการแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ผู้รับสารสามารถอ่านได้เข้าใจ ได้ทราบความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ แล้วสามารถนำมาบอกต่อกับบุคคลอื่นให้ได้ความรู้ที่ผู้รับสารได้รับ ฉะนั้นการเขียนที่ดีจะต้องเกิดจากความคิดที่ดีและมีเหตุผล รวมทั้งมีความชำนาญทางด้านไวยากรณ์ในการแต่งประโยค อีกทั้งการใช้คำที่สละสลวยในงานเขียนของเราด้วย ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนตั้งแต่วันอังคารที่ 15 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 – วันอาทิตย์ที่ 20 เดือน กันยายน พ.ศ.2558

Learning log Sixth: (15th September, 2015)

Learning log
Sixth: (15th September, 2015)
การศึกษาเป็นการสร้างคนให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็น มีลักษณะนิสัยจิตใจที่ดีงาม มีความพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อตนเองและสังคม มีความพร้อมที่จะประกอบการงานอาชีพได้ การศึกษาช่วยให้คนเจริญงอกงาม ทั้งทางปัญญา จิตใจ ร่างกาย และสังคม การศึกษาจึงเป็นความจำเป็นของชีวิตอีกประการหนึ่ง นอกเหนือจากความจำเป็น ด้านที่อยู่อาศัย อาหารเครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค การศึกษาจึงเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิต เป็นปัจจัยที่จะช่วยแก้ปัญหาทุก ๆ ด้านของชีวิตและเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของชีวิตในโลกที่มีกระแสความเปลี่ยนแปลงทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบให้วิถีดำรงชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกันการศึกษายิ่งมีบทบาทและความจำเป็นมากขึ้นด้วย การศึกษาที่จะช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี มีความสุข จะต้องมีลักษณะ ที่สำคัญ คือ เป็นการศึกษาที่ให้ความรู้ และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เช่น ความรู้และทักษะทางด้านภาษา การคิดคำนวณ ความเข้าใจหลักการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น สภาพปัจจุบันมีความจำเป็นต้องสนับสนุนให้ทุกคนได้รับการศึกษาขั้น พื้นฐานอย่างน้อย 12 ปี จึงจะเพียงพอกับความต้องการและความจำเป็นที่จะยกระดับ คุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น การศึกษาทำให้คนเป็นคนฉลาด เป็นคนมีเหตุผล คิดเป็นแก้ปัญหาเป็น และ รู้จักวิธีแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง และเพื่อการงานอาชีพของตน ซึ่งการศึกษาไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย มีเทคโนโลยีสอดแทรกเข้ามาเป็นตัวช่วยเสริมทางด้านการศึกษาอย่างครบครัน จนบางครั้งอาจกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆเป็นตัวแทนของครูผู้สอนในการเรียนการสอนก็เป็นได้ แต่การที่มีเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าหากบุคลากรทางการศึกษาใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม เทคโนโลยีต่างๆก็จะให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ถ้าบุคลากรทางการศึกษาใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิด หรือไปในทางที่ไม่เหมาะสม เทคโนโลยีเหล่านั้นก็จะเกิดโทษมากมายเช่นกัน ต่อไปประเทศไทยก็จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งทุกคนทุกฝ่ายจะต้องมีความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษทั้งทฤษฎีและทางปฏิบัติ คือ มีความชำนาญในด้านทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน เป็นอย่างดีเพื่อการทำงานและการดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ฉะนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจะต้องช่วยกันพัฒนาการศึกษาไทยให้พัฒนาเท่าทันกับนานาประเทศ

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (8th September 2015)

                                                          การฝึกทักษะการอ่าน
                                            (8th  September, 2015)
การฝึกทักษะการอ่านในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันก็ประสบความสำเร็จมากพอสมควร แต่ทั้งนี้เพราะ การฝึกทักษะการอ่านนั้นจะใช้เวลาเป็นอย่างมากในการฝึก ในการแปลความหมายและค้นหาคำศัพท์ยากที่เราไม่รู้มาก่อน รวมทั้งจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนในการอ่านให้คล่องแคล่ว ราบรื่น ไม่ติดขัด ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากบทความต่างๆ ดังนี้ 1. บทความภาษาอังกฤษเรื่อง What is global warming?, 2. บทความภาษาอังกฤษเรื่อง Benefits Of Passion Fruit และบทความที่ 3 คือ บทความภาษาอังกฤษ เรื่อง Chocolate for Health and Beauty ซึ่งในช่วงแรกของการฝึก ดิฉันก็อ่านบทความเหล่านี้ไป 3-4 ครั้ง คืออ่านโดยไม่ได้ค้นหาว่าคำศัพท์คำนั้นที่จริงแล้วต้องอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และคำศัพท์ยากแต่ละคำที่ดิฉันยังไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เพราะว่าดิฉันจะลองฝึกทักษะการอ่านของดิฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง และทดสอบความจำเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆในสมองว่ามีเท่าไหร่ รวมทั้งการอ่านในลักษณะนี้จะเป็นการฝึกการพูดไปในตัวด้วย จากนั้นในวันที่สองของการฝึกอ่านบทความแต่ละบท ดิฉันได้นำบทความดังกล่าวนี้มาอ่านทบทวนใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นการทดสอบความจำทางด้านเนื้อหา การอ่านออกเสียงคำศัพท์และความหมายของคำศัพท์ที่เป็นคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่รู้ รวมทั้งเป็นการเพิ่มพูนทักษะในการอ่านของดิฉันด้วย เพราะฉะนั้น การฝึกฝนทักษะการอ่านให้เกิดความชำนาญและเกิดความคล่องแคล่วนั้นจะต้องใช้เวลาในการฝึกเป็นอย่างมาก ในสัปดาห์นี้ดิฉันจึงฝึกทักษะการอ่านอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เกิดความชำนาญและความคล่องแคล่วในการอ่าน รวมทั้งถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ในการฝึกฝนด้วย ซึ่งดิฉันได้ฝึกตั้งแต่วันอังคารที่ 8  กันยายน 2558 – วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2558 และใช้บทความ 1 เรื่องในการฝึก 1 วันและอีกหนึ่งวันใช้สำหรับการอ่านทบทวนบทความเรื่องเดิมอีกครั้ง

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (1st September,2015)

                                               การฝึกทักษะการอ่าน
                                              (1st  September, 2015)

การฝึกทักษะต่างๆ ทั้งทักษะ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากในการที่จะเรียนภาษาอังกฤษให้เชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดมาแล้ว ซึ่งจากการฝึกทักษะการพูดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันก็ได้ความรู้ทั้งในด้านของเนื้อหาของสื่อที่ดิฉันได้ฝึก และพัฒนาทางด้านทักษะการพูดได้เป็นอย่างมาก ทำให้ดิฉันมีความกล้าในการที่จะพูด ซึ่งดิฉันได้ฝึกการพูดจากเนื้อหาและวีดิโอต่างๆ คือ 5 เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนกับเจ้าของภาษา,Spoken English Learning Video Spoken English Tutorial English Conversation ,การฝึกพูดภาษาอังกฤษ, English Conversation- Learn English Speaking, English Conversation - Learn English Speaking, Learn English Vocabulary 5, จากเพลง I Have A Dreamและการพูดอังกฤษในการทำงาน ดิฉันคิดว่าดิฉันได้รับความรู้และทักษะจากการฝึกในสัปดาห์ที่ผ่านมามากพอสมควร สัปดาห์นี้ดิฉันจึงต้องการฝีกทักษะการอ่าน เพราะการอ่านและการพูดจะมีความความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกันมาก ในเมื่อดิฉันเริ่มมีทักษะในการพูดมาพอสมควรแล้ว ก็สามารถเป็นพื้นฐานในการอ่านได้มากพอสมควร แต่การฝึกทักษะการอ่านนั้น จะมีความยากมากกว่าการพูด เพราะการอ่านในเรื่องใดๆก็แล้วแต่ เราจะต้องใช้เวลาในการอ่าน การแปลความหมาย การฝึกออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง รวมทั้งการทำความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี จึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องที่อ่าน และสามารถอ่านได้คล่องแคล่ว ไม่ติดขัด ฉะนั้นดิฉันจึงตัดสินใจฝึกทักษะการอ่าน ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 กันยายน 2558 – วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2558 และใช้บทความ 1 เรื่องในการฝึก 1 วันและอีกหนึ่งวันใช้สำหรับการอ่านทบทวนบทความเรื่องเดิมอีกครั้ง

Learning log 2 Fourth : (1st September, 2015)

                                                       Learning log 
                                                               Part of Sentences
                                                    Fourth : (1st September,2015)

การศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของกาล (Tense) ในภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะผู้เรียนสามารถสร้างประโยคได้ถูกต้องตามหลักการและเวลาของเนื้อหาที่เกิดเหตุการณ์นั้นๆขึ้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Tense มามากพอสมควรแล้ว ซึ่ง Tense เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะเป็นตัวบอกเวลาในประโยคนั้นๆ นอกจาก Tense เป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างประโยคแล้ว สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น คือเราจะต้องรู้และเข้าใจในเรื่อง ประเภทของประโยคด้วย จึงจะสามารถสร้างประโยคได้ถูกต้องตามหลักการและมีความสละสลวย ซึ่งประโยค (Sentence) สามารถแบ่งได้ 4 ประเภท คือ Simple Sentence (เอกัตถประโยค), Compound Sentences (อเนกัตถประโยค) Complex Sentences (สังกรประโยค) และ Compound Complex Sentences (อเนกัตถสังกรประโยค) โดยที่ Simple Sentence (เอกัตถประโยค) เป็นการสร้างประโยคในรูปแบบธรรมดาโดยทั่วไป เป็นประโยคความเดียวที่ดิฉัน มีความเข้าใจและสามารถสร้างประโยคได้ แต่ในงานเขียนแต่ละครั้งเราจะต้องสร้างประโยคที่มีหลากหลายรูปแบบ งานเขียนของเราถึงจะสมบูรณ์และมีความน่าสนใจในด้านเนื้อหา ในที่นี้ดิฉันต้องการศึกษาการสร้างประโยคแบบ Compound Sentence (อเนกัตถประโยค) Complex Sentence (สังกรประโยค) และ Compound Complex Sentence (อเนกัตถสังกรประโยค) เป็นการสร้างประโยคที่ซับซ้อนขึ้น เป็นทั้งประโยคความรวมและประโยคความซ้อน เป็นการสร้างประโยคในระดับที่ยากขึ้นกว่า Simple Sentence ซึ่งดิฉันยังไม่แม่นยำและเข้าใจในการสร้างประโยคในแบบเหล่านี้เท่าที่ควร รวมทั้งการแต่งประโยคโดยการใช้ Adjective Clause ฉะนั้น ดิฉันจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม และทำความเข้าใจ รวมทั้งทำแบบฝึกหัดในเรื่องเหล่านี้มากขึ้น ทั้งในการสร้างประโยคแบบ Compound Sentence (อเนกัตถประโยค) Complex Sentence (สังกรประโยค) และ Compound Complex Sentence (อเนกัตถสังกรประโยค)

Compound Sentence (อเนกัตถประโยค) หมายถึง ประโยคที่มี Simple Sentence 2 ประโยคมารวมเข้าด้วยกัน โดยมีการเชื่อมด้วย Co-ordinator  ได้แก่
1.             เครื่องหมายวรรคตอน (Punctuation)
2.             วิเศษณ์เชื่อม (Conjunctive Adverb)
3.             สันธานประสาน (Co-ordinate Conjunction)

Learning log Fourth : (1st September, 2015)

                                                Learning log
                                    Fourth : (1st September 2015)

สังคมไทยปัจจุบัน เป็นสังคมที่เห็นคุณค่าทางวัตถุมากกว่าคุณค่าทางจิตใจ หรืออาจจะเรียกว่า สังคมแห่งวัตถุนิยม ซึ่งยิ่งมีการพัฒนาไปเท่าใด จะยิ่งเกิดปัญหาจากการพัฒนาเท่านั้น ยิ่งมีวัตถุสนองความต้องการมากเท่าใดยิ่งไม่รู้จักพอ คนไทยในยุคโลกาภิวัตน์ จึงมีปัญหาทางจิตเกิดขึ้นมากมาย เช่น มีพฤติกรรมการแสดงออกที่รุนแรง ขาดเมตตา ไม่มีคุณธรรม จริยธรรมที่เป็นเครื่องเตือนจิตใจให้ปฏิบัติตนในทางที่ดี ทำให้คนไทยยุคใหม่ตกเป็นทาสของประเทศทุนนิยมที่ผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคมาเป็นเหยื่อล่อ ทำให้มนุษย์เกิดกิเลสอยากมีอยากได้ สนับสนุนให้เกิดค่านิยมบริโภคผ่านสื่อต่าง ๆ โดยปราศจากการควบคุมและไตร่ตรอง เมื่อเกิดความอยากมี อยากได้ แต่ไม่มีเงินซื้อก็จะกระทำทุจริต ลักเล็กขโมยน้อย ฉกชิงวิ่งราวดังที่เป็นข่าวอยู่เสมอ สังคมปัจจุบันจึงไร้ความมีน้ำใจ  จะมีสื่อลามกต่าง ๆ มากมาย มีสิ่งมอมเมาในรูปแบบการพนันต่าง ๆ อีกมาก เสพสิ่งเสพติด เช่น บุหรี่ ยาบ้า ยาไอซ์ เมื่อสังคมไทยตกอยู่ในสภาพแวดล้อมทางสังคมเช่นนี้ จึงไม่มีการพัฒนา อีกทั้งคนส่วนใหญ่คิดว่า การมีความพร้อมทางวัตถุจะทำให้ชีวิตมีความสงบสุข จึงทำให้เกิดการโกงกินทุจริตคิดมิชอบต่อหน้าที่การงาน เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองและสิ่งของมีค่าต่างๆ บางคนมีสิ่งที่มีอยู่แล้วก็ให้มีมากกว่าเดิม ถึงกับกู้หนี้ยืมสินมาซื้อหา พฤติกรรมต่างๆเช่นนี้เกิดขึ้นในสังคมทุกส่วน ทั้งในระดับครอบครัว ส่วนภูมิภาคและมากขึ้นถึงระดับประเทศ และจะส่งผลโดยตรงต่อการศึกษามากที่สุดเพราะถือว่าการศึกษาไม่ได้ช่วยให้คนพัฒนาขึ้น

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (วันที่ 25สิงหาคม พ.ศ.2558)



การฝึกทักษะการพูด

การฝึกฝนในด้านทักษะการฟังของดิฉันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้รับประโยชน์และแง่คิดดีๆต่างๆมากมายที่สามารถนำมาปรับปรุงในด้านการฟังของดิฉันต่อไปเรื่อยๆ ดิฉันยอมรับว่าการฝึกทักษะด้านการฟังในสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันก็ได้พัฒนาแค่ส่วนหนึ่งแต่ยังไม่ทั้งหมด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องได้รับการต่อยอดและการทำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเกิดความชำนาญและประสบความสำเร็จ ซึ่งในสัปดาห์นี้ดิฉันก็จะฝึกฝนเกี่ยวกับทักษะการพูด ซึ่งเป็นทักษะที่มีความสำคัญมากเช่นกัน เพราะการพูดถือเป็นช่องทางการสื่อสารที่มีการใช้และสะดวกในการใช้มากที่สุด การพูดอย่างคล่องแคล่วและถูกต้องได้แสดงว่าเรามีความรู้ความเข้าใจในสิ่งนั้นและมีทักษะในการพูดที่ดี สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ฟังได้เป็นอย่างมาก และที่สำคัญการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารทางการพูดถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าหากเราพูดผิดเพี้ยน ทางด้านคำศัพท์หรืออื่นๆ หรือแม้แต่การพูดแบบตะกุกตะกัก ไม่ชัดเจนในการออกเสียง ก็จะทำให้ผู้ฟังหรือผู้ที่ร่วมสนทนากับเราเกิดความเบื่อหน่าย และไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูด การพูดหรือการสนทนาของเราก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ดิฉันเริ่มฝึก ตั้งแต่วันที่ 25-31 สิงหาคม พ.ศ.2558

การศึกษานอกห้องเรียน (วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2558)

                                                 การฝึกทักษะการฟัง

การศึกษาในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ชาติใด ศาสนาใด ก็จำเป็นต้องได้รับการศึกษาก่อน บุคคลเหล่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จและดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่ในการศึกษาดังกล่าวกว่าที่ผู้เรียนจะประสบความสำเร็จนั้นต้องผ่านการฝึกฝน ผ่านการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่าง รวมทั้งการทดสอบต่างๆและการนำไปประยุกต์ใช้ด้วย ในการเรียนทุกประเภทและทุกระดับจะต้องมีการฝึกฝนให้ผู้เรียนเกิดความชำนาญในด้านทักษะต่างๆ อย่างชัดเจน ทั้งทักษะการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน ซึ่งการเรียนการสอนในทุกๆรายวิชาจะต้องมีการสอนให้นักเรียนเข้าใจและมีความชำนาญในด้านทักษะต่างๆเหล่านี้ โดยเฉพาะการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ การฝึกทักษะต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแม่แบบของคนไทย จึงเกิดความยากในการเรียนรู้และการทำความเข้าใจ ฉะนั้นผู้เรียนจึงต้องมีการฝึกทักษะเหล่านี้เพื่อให้สามารถเรียนภาษาอังได้อย่างเข้าใจ ซึ่งสำหรับดิฉันแล้ว ดิฉันยังไม่มีความชำนาญในทักษะทั้งสี่ด้านเหล่านี้มากพอสมควร ดิฉันจึงต้องการฝึกฝนอย่างจิงจัง โดยสัปดาห์นี้ดิฉันจะฝึกเกี่ยวกับทักษะการฟังเป็นลำดับแรก เนื่องจากดิฉันฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยเข้าใจ ตั้งแต่วันที่ 18-24 สิงหาคม พ.ศ.2558

Learning log Third : (18th August, 2015)

Learning log
Third : (18th August, 2015)
            การศึกษาภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในปัจจุบัน เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของสากลที่ทุกคนส่วนใหญ่ใช้ร่วมกัน สื่อสารกันเข้าใจที่สุด การศึกษาภาษาอังกฤษให้เชี่ยวชาญและประสบผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ทั้งทางด้าน เนื้อหา คือในส่วนของคำศัพท์ต่างๆ และ หลักไวยากรณ์ ต่างๆ รวมทั้งจะต้องฝึกฝนเกี่ยวกับ ทักษะ ซึ่งมีความสำคัญมากเช่นกัน คือ ทักษะการฟัง, ทักษะการพูด, ทักษะการอ่านและทักษะการเขียน ทักษะเหล่านี้ผู้เรียนจะต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและมีความต่อเนื่อง เพราะเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนด้วยตนเองจึงจะเกิดผลดีมากที่สุด ซึ่งสำหรับคนไทยแล้วจะคิดว่า การศึกษาในด้านของไวยากรณ์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นพื้นฐานในการเรียนภาษาอังกฤษก็เป็นได้ เพราะถ้าหากผู้เรียนรู้หลักไวยากรณ์อย่างครอบคลุมและแม่นยำแล้ว ผู้เรียนก็สามารถเขียนรูปประโยค หรือข้อความต่างๆ รวมทั้งแปลความหมายของข้อความเหล่านั้นเป็นภาษาต่างๆที่เราต้องการได้อย่างถูกต้องและสละสลวย ยิ่งไปกว่านั้นการรู้คำศัพท์และหลักไวยากรณ์มาก จะทำให้ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนของผู้เรียนดีและคล่องแคล่วขึ้น จึงส่งผลให้ผู้เรียนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และกล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นด้วย

                ในการเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าหากผู้เรียนต้องการสร้างงานเขียนที่ดีและสละสลวย ผู้เรียนจะต้องเชี่ยวชาญ และแม่นยำในเรื่องของ Tense ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถสร้างงานเขียนที่ดี รวมทั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการแปลความหมายของประโยคและข้อความต่างๆ ด้วย ดังนั้นการที่จะเรียนรู้เรื้อง Tense ก็จะต้องรู้ความหมายของ Tense ก่อน