วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (13th October, 2015)

การฝึกทักษะการเขียน
(13th October, 2015)
            การฝึกทักษะการอ่านในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้รับความรู้ต่างๆมากมาย รวมทั้งเป็นการพัฒนาทักษะการอ่านของดิฉันไปอย่างมากเช่นกัน แต่การอ่านในเรื่องใดๆก็แล้วแต่ เราจะต้องใช้เวลาในการอ่าน การแปลความหมาย การฝึกออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง รวมทั้งการทำความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี จึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องที่อ่านได้ ซึ่งดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านจากการสื่อต่างๆคือ ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง Advanced technology ต่อด้วยฝึกทักษะการอ่านจากบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง The Greenhouse Effect ครั้งสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านนิทานภาษาอังกฤษ เรื่อง The Princess and the Pea ซึ่งสื่อทั้งหมดดังกล่าวที่ดิฉันใช้สำหรับฝึกทักษะการอ่านมีความน่าสนใจ และง่ายต่อการเข้าใจในการอ่านทำความเข้าใจและสรุปความหมาย ดิฉันใช้รูปแบบการฝึกคล้ายๆกับครั้งอื่นๆที่ผ่านมา คือ การฝึกในครั้งแรก ดิฉันจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสื่อต่างๆก่อนและเริ่มฝึกการอ่านทำความเข้าใจและสรุปความหมายจากสื่อนั้นๆ จากนั้นในวันต่อไปก็นำเรื่องที่ฝึกมาทบทวนการอ่านทำความเข้าใจและสรุปความหมายอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นการฝึกทักษะการอ่านครั้งที่ 2 ที่ดิฉันได้ฝึกมา ฉะนั้นในสัปดาห์นี้ดิฉันจะฝึกทักษะการเขียน ซึ่งเป็นทักษะที่ยากที่สุดในทุกๆทักษะที่ฝึกมา รวมทั้งมีความสำคัญมากเช่นกัน ซึ่งการเขียน คือการสื่อสารชนิดหนึ่งของมนุษย์เราที่ต้องอาศัยความพยายามและฝึกฝน การเขียนเป็นการแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ผู้รับสารสามารถอ่านได้เข้าใจ ได้ทราบความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ แล้วสามารถนำมาบอกต่อกับบุคคลอื่นให้ได้ความรู้ที่ผู้รับสารได้รับ ฉะนั้นการเขียนที่ดีจะต้องเกิดจากความคิดที่ดีและมีเหตุผล รวมทั้งมีความชำนาญทางด้านไวยากรณ์ในการแต่งประโยค อีกทั้งการใช้คำที่สละสลวยในงานเขียนของเราด้วย ดิฉันได้ฝึกทักการเขียนในวันอังคารที่ 13 เดือนตุลาคม พ.ศ.2558 – วันจันทร์ที่ 19 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558

                วันอังคารที่ 13 – วันพุธที่ 14 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจาการเขียนกิจวัตรประจำวันของน้องชายของฉัน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน ฉันได้เขียนเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของดิฉันไปแล้ว น้องชายของฉันอยู่ชั้นประประถมศึกษาปีที่ 6 เขามีกิจวัตรประจำวันในวันหนึ่งที่เขาเล่าให้ดิฉันฟังมีดังนี้ วันนี้ผมตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกา หลังจากนั้นผมอาบน้ำและใส่เครื่องแบบนักเรียน หลังจากนั้นผมรับประทานอาหารเช้าและเตรียมกระเป๋านักเรียน ผมไปโรงเรียนเวลา 7 นาฬิกา หลังจากนั้นผมขึ้นห้องเรียนและพบครู ผมอ่านหนังสือ หลังจากนั้นผมลงไปเข้าแถวและผมสวดมนตร์ หลังจากนั้นผมกลับขึ้นห้องเรียนและดื่มน้ำ หลังจากนั้นผมเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วันนี้มีไก่ทอด ผมรับประทานอาหารกลางวันในห้อง ในระหว่างพัก ผมเล่นปิงปองกับเพื่อน หลังจากนั้นผมกลับบ้าน ผมทำการบ้าน หลังจากนั้นผมเข้านอนซึ่งดิฉันจะนำเนื้อหาภาษาไทยเหล่านี้มาฝึกทักษะการเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ดิฉันก้อเริ่มเขียนเป็นฉบับร่างโดยรวมรวมและเขียนให้เป็นเรื่องเดียวกัน อยู่สองครั้งจึงได้ว่าToday, I got up at 6 o'clock. After that I took a bath and I put on my school uniform. Next I ate breakfast and I prepared my school bag. I went to school at 7 o'clock. Next I went up to my classroom and greeted my teachers. I read my schoolbook. After that I went down to assembly and I sang the national anthem. Next I chanted. After that I went back up to my classroom and drank some water. Next I learnt math. Today we had fried chicken. I ate lunch in my classroom. During the break I played table tennis with my friends. After that I went home by school bus. I did my homework. Finally, I went to sleep. จากนั้นในวันพุธที่ 14 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำงานเขียนฉบับนี้ให้เพื่อนๆของดิฉันช่วยตรวจเช็คความถูกต้อง เพื่อนๆของดิฉันก็แนะนำให้ปรับแก้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวการใช้คำ สำหรับวันนี้ดิฉันก็ใช้สำหรับแก้งานของดิฉัน ซึ่งการฝึกเขียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการนำมาใช้ในประโยคอย่างจริงๆ
                วันพฤหัสบดีที่ 15 – วันศุกร์ที่ 16 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านสรุปความนิทานเรื่อง The Lion and the Mouse (สิงโตกับหนู) จากหนังสือ นิทานฉบับภาษาไทย ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันเคยอ่านมาบ้างแล้ว เป็นนิทานที่สั้นและเข้าใจง่าย สนุก และได้ข้อคิดต่างๆมากมาย ซึ่งเรื่องราวมีดังนี้สิงโตตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ได้มีหนูเล็กๆ ตัวหนึ่ง วิ่งขึ้นวิ่งลงบนสิงโตตัวนั้น และด้วยเหตุนี้เอง ในไม่ช้าไม่นานสิงโตก็ตื่นขึ้นและได้ใช้อุ้งเท้าขนาดใหญ่ตะปบมันเอาไว้พร้อมกับอ้าปากกว้างเตรียมที่จะกินหนูตัวนั้นลงไปในท้องของมัน อภัยให้ข้าพเจ้าด้วยเถิดท่านเจ้าป่า หนูตัวเล็กกล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัวยกโทษให้ข้าพเจ้าสักครั้งแล้วข้าพเจ้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย ใครจะรู้ว่าสักวันหนึ่งข้าพเจ้าอาจตอบแทนท่านได้ สิงโตขำมาก เมื่อได้ฟังความคิดของหนูว่าสามารถจะช่วยตนได้ จึงยกอุ้งเท้าหน้า ออกเพื่อปล่อยหนูไป หลังจากนั้นไม่นาน สิงโตตัวนั้นได้บังเอิญไปติดกับดักของนายพรานเข้า ฝ่ายนายพรานเห็นเข้าว่ามีสิงโตมาติดกับดักของตนจึงช่วยกันจับสิงโตเพื่อที่จะนำไปถวายให้กับพระราชา จึงช่วยกันผูกมันไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วพวกเขาก็ไปหารถมาเพื่อบรรทุกสิงโตไป ขณะนั้นเจ้าหนูน้อยตัวที่สิงโตปล่อยไปบังเอิญผ่านมา และเห็นสิงโตถูกจับมัดเอาไว้ จึงเดินเข้าแล้วกัดแทะเชือกที่มัดราขาแห่งสัตว์ป่านั้นจนขาดออก สิงโตตัวนั้นจึงหนีออกมาได้ ซึ่งเมื่อดิฉันอ่านจบและสรุปเป็นคำพูดตามความเข้าใจของตัวเองก็ลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษ โดยเขียนเป็นฉบับร่างอยู่สองครั้งเพราะยังไม่ค่อยแน่ใจเรื่องคำศัพท์และเรื่อง tense ต่างๆที่ต้องใช้ และดิฉันก็สามารถเขียนสรุปเป็นภาษาอังกฤษได้ ดังนี้ Once when a Lion was asleep, a little mouse began running up and down upon him. This soon wakened the Lion, who placed his huge paw upon him, and opened his big jaw to swallow him. “Pardon me, please, cried the little Mouse, forgive me this time,   I shall never forget it. Who knows what I may be able to do you a turn some of these days?” The lion was so tickled at the idea of the Mouse being able to help him that he lifted up his paw and let him go.      Sometime after the lion was caught in a trap, and the hunters, who desired to carry him alive to the king, tied him to a tree while they went in search of a wagon to carry him on. Just then the little Mouse happened to pass by, and seeing the sad plight, in which the lion was, went up to him and soon gnawed away the ropes that bound the King of the Beasts. ซึ่งในวันศุกร์ที่ 16 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำนิทานดังกล่าวเรื่องนี้ที่ดิฉันได้สรุปไว้กลับมาทบทวนอีกครั้ง และเพื่อความถูกต้อง ดิฉันได้นำงานชิ้นนี้ให้รุ่นพี่ที่หอตรวจความถูกต้องให้อีกครั้งหนึ่ง จากการตรวจของรุ่นพี่ งานชิ้นนี้ดิฉันใช้ประโยคที่ยาวเกินไป ควรจะใช้ประโยคที่สั้นและกะทัดรัด ฉะนั้นในวันนี้ดิฉันจึงใช้เวลาสำหรับการแก้งานชิ้นนี้ให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง และนำไปให้รุ่นพี่ตรวจอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงผ่าน ซึ่งจากการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ ดิฉันได้ฝึกการเขียนประโยคเป็นเรื่องราว โดยฝึกใช้ tense ต่างๆได้ถูกต้องและที่สำคัญยังได้ข้อคิดที่ดีๆจากการอ่านด้วย
                วันเสาร์ที่ 17 – วันอาทิตย์ที่ 18 และวันจันทร์ที่ 19 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกการเขียนจากการอ่านเรื่องสั้นที่เป็นภาษาไทยในหนังสือเรียนของน้องดิฉัน ซึ่งเป็นเนื้อที่คุณครูของเขาให้ฝึกอ่านภาษาไทย ดิฉันจึงนำมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เรื่อง เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันหลังจากงานเลี้ยง ซึ่งเนื้อเรื่องที่ดิฉันได้สรุปมามีดังนี้ สายตาของเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันหลังจากที่งานเลี้ยงคืนก่อนเป็นที่น่ากลัว ฉันไม่สามารถจินตนาการสิ่งที่เธอได้ทำ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเธอดูเหมือนจะเป็นศพเดิน ผมของเธอย้อมสีชมพูและรุงรังเหมือนรังนก มาสคาร่าของเธอเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าอย่างน่ากลัว ดวงตาใบหน้าของเธอมีน้ำและเป็นสีแดง ผมมีข้อสงสัยว่า เธอต้องร้องไห้และอาจจะได้ผ่านการต่อสู้มาบ้างแน่นอน เพราะผมอยู่ใกล้กับคิ้วซ้ายของเธอเป็นรอยเฉือนยาว แก้มขวาของเธอบิตบวมมีรอยช้ำสีม่วงสีเขียวและมีรอยขีดข่วนกระจายทั้งแขนของเธอ นอกจากนี้ยังมีชุดราตรีที่สวยงามและงดงามของเธอกลายเป็นที่มอมแมมและฉีกขาด เข่าซ้ายของเธอมีแผลเลือดที่ออกมาหยดลงขาของเธอ ผมได้กลิ่นเปรี้ยวอาเจียนขณะที่เธอกำลังส่ายผ่านไปและเมื่อเธอพูด กลิ่นของการดื่มเหล้าเบา ๆ สัมผัสกับจมูกของฉัน ผมมองไปที่เธออีกครั้งและคิดว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปงานเลี้ยงเพียงผู้เดียวอีกครั้ง มิฉะนั้นเธออาจจะเป็นผีดิบในภาพยนตร์ใด ๆ โดยไม่ต้องแต่งหน้า จากเนื้อหาภาษาไทยเรื่องนี้ ดิฉันจึงนำมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งในช่วงแรกดิฉันจะเขียนฉบับร่าง โดยหาคำศัพท์อยากและศึกษาการเขียนประโยคในรูปแบบต่างๆ เพราะมีความซับซ้อนกว่างานเขียนทั้งสองงานที่ผ่านมา  ดิฉันเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ดังนี้ My best friend after the  party : The sight of my best friend after an  party the night before is so horrible that I can’t imagine what she has done. From head to toe, she looks like a walking corpse. Her dyed-pink hair is unkempt like a nest. Her mascara stained terribly all over are watery and red. I have no doubt; she must have cried very hard and might have been through some fights too. Because near her left eyebrow is a long slash, her right cheek is a bit swollen with a greenish purple bruise and there are scratches scattering on both of her arms. Also, her beautiful and gorgeous nightgown became ragged and torn. Her left knee has a bloody wound causing blood dripped down her leg. I could smell sour odor of vomit as she was staggering pass me and when she talks, the smell of booze gently touches my nose. I looked at her again and thought that I would never let her go to a party alone again. Otherwise, she might be able to perform in a zombie movie without any makeup. จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 18 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้นำงานเขียนฉบับนี้ไปให้รุ่นพี่คนเดิมช่วยตรวจให้อีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจของรุ่นพี่ พบว่า ยังใช้คำศัพท์ที่ผิดเพี้ยนและใช้โครงสร้างประโยคที่ไม่ถูกต้อง ดิฉันใช้เวลาในวันนี้สำหรับแก้งานชิ้นนี้ตามที่รุ่นพี่คนนั้นแนะนำมา จากนั้นในวันจันทร์ที่ 19 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำงานเขียนฉบับนี้ไปให้รุ่นพี่คนดังกล่าวตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง จากการตรวจสอบของยังพบข้อผิดพลาดอยู่แต่มีเพียงเล็กน้อย และจากข้อผิดพลาดดังกล่าวดิฉันก็นำมาแก้ไขในวันดังกล่าวนี้อีกครั้งเพื่อความถูกต้อง ซึ่งจากการฝึกทักษะการเขียนเรื่องดังกล่าวนี้ จากการผิดพลาดหลายๆครั้ง ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการเขียนที่ดี การใช้คำศัพท์ยาก รวมทั้งการใช้ tense ต่างๆในประโยคได้ถูกต้องมากขึ้น
                จากการฝึกทักษะการเขียนในสัปดาห์นี้ ดิฉันได้พัฒนาทักษะการเขียนของดิฉันไปได้เป็นอย่างมาก ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน ดังนี้ วันอังคารที่ 13 – วันพุธที่ 14 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจาการเขียนกิจวัตรประจำวันของน้องชายของฉัน ซึ่งน้องชายของฉันอยู่ชั้นประประถมศึกษาปีที่ 6 เขามีกิจวัตรประจำวันในวันหนึ่งที่เขาเล่าให้ดิฉันฟัง การฝึกเขียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการนำมาใช้ในประโยคอย่างจริงๆ ต่อมาวันพฤหัสบดีที่ 15 – วันศุกร์ที่ 16 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านสรุปความนิทานเรื่อง The Lion and the Mouse (สิงโตกับหนู) จากหนังสือ นิทานฉบับภาษาไทยซึ่งจากการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ ดิฉันได้ฝึกการเขียนประโยคเป็นเรื่องราว โดยฝึกใช้ tense ต่างๆได้ถูกต้องและที่สำคัญยังได้ข้อคิดที่ดีๆจากการอ่านด้วย คือ การให้อภัยเป็นสิ่งสำคัญ และอย่าดูถูกคนที่ด้อยกว่าเราเพราะบางเรื่องเขาสามารถทำได้ดีกว่าเรา และช่วยเหลือเราได้ และวันเสาร์ที่ 17 – วันอาทิตย์ที่ 18 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านเรื่องสั้นที่เป็นภาษาไทยในหนังสือเรียนของน้องดิฉัน ซึ่งเป็นเนื้อที่คุณครูของเขาให้ฝึกอ่านภาษาไทย ดิฉันจึงนำมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เรื่อง เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันหลังจากงานเลี้ยง จากข้อผิดพลาดดังกล่าวทั้งหมดที่ดิฉันก็นำมาแก้ไขในวันดังกล่าวที่เป็นการทบทวนจากการเขียนสรุปความเป็นภาษาอังกฤษทั้ง 3 เรื่อง ในแต่ละครั้งเพื่อความถูกต้องยิ่งขึ้นของแต่ละงานเขียน ซึ่งจากการฝึกทักษะการเขียนเรื่องดังกล่าวเหล่านี้ และจากการผิดพลาดหลายๆครั้งที่ดิฉันนำมาแก้ไข  ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการเขียนที่ดีว่ามีขั้นตอนอย่างไรจึงจะออกมาเป็นงานเขียนที่มีประสิทธิภาพ และการใช้คำศัพท์ยากต่างๆ เพราะคำศัพท์บางคำสามารถใช้ได้หลายความหมาย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับบริบทต่างๆที่ใช้ในประโยค รวมทั้งการใช้ tense ต่างๆในประโยคซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับงานเขียนได้ถูกต้องมากขึ้นด้วย







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น