วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (20th October, 2015)

การฝึกทักษะการฟัง
(20th October, 2015)
จากการฝึกทักษะการเขียนในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันเกิดการเรียนรู้ต่างๆมากมาย รวมทั้งพัฒนาทักษะการเขียนไปได้เป็นอย่างมาก แต่การพัฒนาทักษะการเขียนเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในทุกๆทักษะสำหรับตัวดิฉัน เพราะการที่เราสามารถสร้างงานเขียนที่ดีและมีประสิทธิภาพได้นั้น เราจะต้องมีทั้งทักษะ การฟัง การพูด และการอ่านที่ดีและคล่องคล่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการพัฒนาการเขียนให้ถูกต้องและมีคุณภาพทั้งสิ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการเขียนกิจวัตรประจำวันของน้องชายของดิฉัน ซึ่งน้องชายของดิฉันอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เขามีกิจวัตรประจำวันในวันหนึ่งที่เขาเล่าให้ดิฉันฟัง การฝึกเขียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการนำมาใช้ในประโยคอย่างจริงๆ ต่อมาดิฉันฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านสรุปความนิทานเรื่อง The Lion and the Mouse (สิงโตกับหนู) จากหนังสือ นิทานฉบับภาษาไทย และดิฉันฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านเรื่องสั้นที่เป็นภาษาไทยในหนังสือเรียนของน้องดิฉัน ซึ่งเป็นเนื้อหาที่คุณครูของเขาให้ฝึกอ่านภาษาไทย ดิฉันจึงนำมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เรื่อง เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันหลังจากงานเลี้ยง ฉะนั้นในสัปดาห์นี้ดิฉันจะต้องฝึกในเรื่องของทักษะการฟังจากสื่อต่างๆ ซึ่งเป็นการฝึกทักษะการฟังในครั้งที่สอง การฟังนั้นก็มีความสำคัญมากเช่นกัน จำเป็นที่จะต้องได้รับการพัฒนาให้มีทักษะการฟังที่ดีขึ้น การฟังในเรื่องใดๆก็แล้วแต่ถ้าหากเราไม่มีทักษะในการฟังที่ดีเราก็ไม่สามารถฟังเรื่องเหล่านั้นได้ถูกต้องได้เช่นกัน บางครั้งการฟังที่ไม่มีประสิทธิภาพก็ก่อให้เกิดการสนทนาที่ไม่ประสบผลสำเร็จ หรือแม้ว่าฟังในเรื่องทั่วๆไปก็จะไม่เกิดผล และที่สำคัญในเรื่องของการศึกษาซึ่งการฟังในเนื้อหาหรือบทเรียนต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะถ้าหากเราฟังสิ่งเหล่านั้นไม่เข้าใจเราก็ไม่สามารถทำตามที่อาจารย์หรือผู้อื่นบอกได้ ดังนั้น ดิฉันฝึกทักษะการฟังในวันอังคารที่ 20 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 – วันจันทร์ที่ 26 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558

วันอังคารที่ 20 – วันจันทร์ที่ 26 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟัง เรื่อง Snow White And The Seven Dwarfs (1937) จาก https://www.youtube.com/watch?v=rrF49xItyks เหตุผลที่เลือกฟังจากหนังเรื่องนี้เพราะ เป็นหนังที่น่าสนใจและเป็นเรื่องที่ทุกคนเคยอ่านหรือเคยรู้มาแล้ว ซึ่งโดยส่วนมากมีคนชอบ จากการฟังเรื่อง สโนไวท์ ดิฉันสามารถสรุปเนื้อหาได้ดังนี้ ในดินแดนมหัศจรรย์ ยังมีองค์หญิงน้อยแสนงามผู้มีผมดำ ริมฝีปากแดงและมีผิวขาว เธอคือ สโนไวท์ ผู้ที่รู้จักเธอล้วนรักเธอเว้นแต่ราชินีแม่เลี้ยงใจร้ายผู้ริษยาในความงามของเธอ สโนไวท์อาศัยอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ที่มีน้ำตกเจ็ดชั้นและภูเขาอัญมณีเจ็ดลูกที่ภายในมีอัญมณีเลอค่ามากมาย ภูเขาที่อยู่ห่างไกลที่สุดเป็นที่ตั้งของปราสาทที่สโนไวท์เติบโตมาภายใต้อำนาจของราชินี ถึงแม้ว่าความปรารถนาที่จะมีรักแสนหวานของเธอจะดูเป็นไปไม่ได้แต่รักแท้ไม่สามารถขัดขวางได้ แม้ว่าเสื้อผ้าที่ขาดก็ยังไม่สามารถห้ามให้เจ้าชายหลงรักสโนไวท์ได้ ราชินีเกรงว่าสักวันสโนไวท์จะเติบโตและงดงามกว่านาง ด้วยเหตุนี้นางจึงใช้ให้สโนไวท์ทำงานหนักดั่งทาส และเมื่อกระจกวิเศษบอกแก่ราชินีว่า สโนไวท์งดงามกว่านาง ชีวิตของสโนไวท์ก็ตกอยู่ในอันตราย จนกระทั่งเธอได้พบเพื่อนตัวเล็กๆทั้งเจ็ดคนที่ช่วยเหลือเธอไว้ สโนไวท์วิ่งหนีใปในป่ามืด และเห็นต้นไม้เกิดมีชีวิตและพยายามจะฉุดรั้งสโนไวท์เอาไว้ เธอเหนื่อยล่าและหวาดกลัวจนกระทั่งหมดแรงและล้มลงกลางป่า แล้วสิ่งที่ทำให้เธอมีชีวิตชีวาอีกครั้งก็คือเสียงเพลงและรอยยิ้ม ระหว่างที่สโนไวท์กำลังทำขนมส่วนเหล่าคนแคระออกไปทำงานบ้านอย่างอื่น ก็มีชายคนหนึ่งลอบเข้ามาที่เธอและพูดหว่านล้อมให้เธอกินแอปเปิ้ลสีแดงร่วมกับเขาคนละครึ่งลูก โดยที่เขาใส่ยาพิษเข้าไปในแอปเปิ้ล และเมื่อสโนไวท์กินแอปเปิ้ลเธอก็สลบลงไปนอนกองกับพื้นทันที หลังจากผ่านไป 3 คืน สโนว์ไวท์ก็ตื่นขึ้นมาเจอเจ้าชาย เจ้าชายได้จุมพิตนางทำให้นางฟื้นขึ้นมา และต่อสู้กับราชินีจนทำให้ราชินีตาย ทำให้ต่อมาทุกคนอยู่อย่างเป็นสุข จากเนื้อหาที่สรุปได้ดังกล่าวนี้ ดิฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ไปประมาณ 3 รอบ จากเวลาหนังทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาทีและดิฉันสรุปออกมาจากสิ่งที่ได้ฟังและความเข้าใจ ในวันพุธที่ 21 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำหนังเรื่องนี้มาดูอีกครั้งเพื่อทบทวนเนื้อหาและพัฒนาการฟังของดิฉันให้ดีขึ้นด้วย ซึ่งการฟังในครั้งนี้ดิฉันสามารถฟังเข้าใจได้ง่าย เพราะเป็นเรื่องราวที่ดิฉันเคยอ่านและดูมาก่อน จากการฟังทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ความหมายของคำศัพท์ และการฟังประโยคต่างๆซึ่งจะอยู่ในขั้นของการแปลและการถอดความ
วันพฤหัสบดีที่ 22 ,วันศุกร์ที่ 23 และวันเสาร์ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูหนังเรื่อง Animals Farm จาก https://www.youtube.com/watch?v=J7yAa6NZI5U ความยาวของหนังประมาณ 1 ชั่วโมง 17 นาที เหตุผลที่ดิฉันเลือกดูหนังเรื่องนี้ในการฝึกทักษะการฟังเพราะ ในวิชาวรรณคดีภาษาอังกฤษ อาจารย์ผู้สอนให้ดูหนังและวิจารณ์หนังในแต่ละเรื่องตามกระบวนการที่อาจารย์ได้สอน ดิฉันดูหนังเรื่องนี้อยู่ประมาณ 4 รอบเพราะสนุกและต้องการที่จะเข้าใจอย่างแท้จริง แต่ก็สรุปได้เพียงคร่าวๆเพราะสำเนียงภาษาที่ตัวละครใช้ฟังยากไปบางตอน ซึ่งจากการดูหนังเรื่องนี้ สามารถสรุปได้ว่า มิสเตอร์โจนส์ ชายขี้เมาผู้ขาดความเอาใจใส่ เป็นเจ้าของ แมนเนอร์ฟาร์ม และในวันหนึ่งขณะที่เขากำลังดื่มสุรากับเพื่อน บรรดาสัตว์นัดพบกันในโรงนา เพื่อฟังคำปราศรัยที่กล่าวถึงการปลดปล่อยโดย ผู้นำหมูเฒ่า เขากล่าวกับพวกสัตว์ว่า มนุษย์เป็นต้นกำเนิดของการเอาเปรียบ มิสเตอร์โจนส์ได้ยินเสียงแว่ว ๆ แต่ทันใดนั้นเอง ปืนที่มิสเตอร์โจนส์ถือเกิดลั่นไปฆ่าชีวิตของหมูเฒ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ และในวันต่อมาเจ้าหมู 2 ตัวคือ สโนว์บอลและนโปเลียน ได้บอกกับสัตว์ทั้งหลายว่า มันทั้งสองจะเป็นผู้นำตามแนวความคิด และปฏิบัติของหมูเฒ่า พวกมันทั้งหมดจึงก่อการกบฏ ขับไล่มิสเตอร์โจนส์และภรรยาของเขา  สโนว์บอลจัดการเปลี่ยนชื่อ Manor Farm ใหม่เป็น Animal Farm สัตว์ต่าง ๆได้รับรู้ถึงการละเมิดกฎของหมูผู้นำ มิสเตอร์โจนส์กับพวกของเขา ตัดสินใจที่จะต่อสู้ เพื่อยึดฟาร์มที่เคยเป็นของพวกเขากลับคืนมา สุดท้ายสัตว์ในฟาร์มได้รับชัยชนะ จากนั้นสโนว์บอลถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏโดยนโปเลียน มิสเตอร์โจนส์ได้โอกาสที่จะแก้แค้น โดยจัดการวางระเบิดกังหันลม นโปเลียนโยนความผิดให้กับสโนว์บอลว่าเป็นผู้ก่อการกบฎ บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ได้รับอาหารการกินไม่เพียงพอ นโปเลียนโยนความผิดทั้งหมด ให้กับสโนว์บอลเช่นเคย สะท้อนให้เห็นการปกครองที่กดขี่ของนโปเลียน มีเพิ่มมากขึ้น สัตว์ทั้งหลายต่างพากันหนี สัตว์บางตัวที่หนีออกจากฟาร์ม ได้ย้อนกลับไปค้นหาความจริง แล้วก็พบว่าการบริหารของผู้นำ เป็นไปด้วยความล้มเหลว และในการที่สัตว์หนีออกมา ก็มีอนาคตที่ดีกว่ารออยู่ คือการได้รับความเห็นใจ จากครอบครัวใหม่ที่เข้ามาดูแล และลูก ๆ รุ่นใหม่ของสัตว์ต่างๆก็อยู่อย่างมีความสุข ในวันศุกร์ที่ 23 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำหนังเรื่องนี้มาดูอีกครั้งเพราะมันสนุกมาก จากนั้นในวันเสาร์ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำหนังเรื่องนี้มาฝึกทักษะการฟังอีกครั้งเพื่อเป็นการทบทวนในการสร้างการสรุปหนัง ซึ่งเป็นชิ้นงานของวิชาวรรณคดีภาษาอังกฤษที่ดิฉันจะต้องเขียนและวิจารณ์หนังที่ดู และจากการสรุปความทั้งหมดนี้ นอกจากได้รู้คำศัพท์ยากต่างๆ ประโยคที่แปลกๆที่ไม่คุ้นเคย ในกระบวนการแปลภาษาแล้วดิฉันยังได้ข้อคิดว่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพการปกครองประเทศของผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ ซึ่งผู้นำฟาร์มในเรื่องเปรียบเสมือนผู้นำประเทศและสัตว์ต่างๆ เปรียบเสมือนประชาชน แต่เพราะความโลภ และคดโกงจึงทำให้ระบบการปกครองไม่มีประสิทธิภาพ ประเทศชาติไม่มีการพัฒนาเช่นกัน
วันอาทิตย์ที่ 25 – วันจันทร์ที่ 26 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูหนังเรื่อง Frankenstein (2011) จาก https://www.youtube.com/watch?v=vJ0AjTmnw1c ความยาวของหนังประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที  เหตุผลที่ดิฉันเลือกหนังเรื่องนี้ในการฝึกทักษะการฟัง เพราะว่าหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ในรายวิชาวรรณคดีภาษาอังกฤษกำลังศึกษาอยู่ และหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุก ตื่นเต้นและน่าสนใจมาก การแปลและการถอดความจากการดูหนังเรื่องนี้ สามารถสรุปได้ดังนี้ เมื่อ วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ นักวิทยาศาสตร์หนุ่มอัจฉริยะ ผู้ฉลาดมาก ได้ศึกษาค้นคว้าในการสร้างสิ่งมีชีวิตจากซากศพอย่างลับๆ ร่วมกับ อิกอร์ เขาศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย Genevan เขาศึกษาเกี่ยวกับกระดูก เขาประดิษฐ์อสูรร้ายขึ้นมาจากซากศพ และสอนให้มันดุร้าย โหด ต่อสู้โดยไม่เกรงกลัวใคร และใส่ชีวิตให้มัน มันจึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่น่ากลัว คนส่วนใหญ่จะกลัวและรังเกียจมันเป็นอย่างมาก เพราะมันอยู่น่ากลัว อัปลักษณ์  แต่ไม่ว่าคนหรือสิ่งมีชีวิตใดๆก็แล้วแต่ ก็ย่อมต้องการความรักทั้งนั้น ผู้สร้างอสูรร้ายขึ้นมานั้นเขาไม่เคยใส่ใจ หรือให้ความรักมันเลย มันจึงโดดเดี่ยวและดุร้ายมากขึ้น สามารถฆ่าและกินมนุษย์ได้ มันโกรธที่ผู้สร้างมันมาไม่สนใจมัน มันเลยไปฆ่าผู้คนจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีน้องชายและภรรยาของแฟรงเกนสไตน์ที่ได้เสียชีวิตจากการถูกฆ่าโดยอสูรร้ายด้วย แฟรงเกนสไตน์โกรธมากและได้ตามล่าเพื่อต้องการแก้แค้นด้วยการฆ่าอสูรร้ายตัวนั้น และเพื่อเป็นการหยุดมันเพื่อไม่ให้ไปทำร้ายใครอีก แต่สุดท้ายแฟรงเกนสไตน์ก็ได้ตายลงเพราะถูกอสูรร้ายที่เขาสร้างขึ้นมาฆ่าเขาเอง ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันเคยเรียนและทำความเข้าใจมาก่อนแล้วในรายวิชา วรรณคดีภาษาอังกฤษ ในวันจันทร์ที่  26 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำหนังเรื่องนี้มาดูอีกครั้งเพื่อเป็นการทบทวนเนื้อหา คำศัพท์ยากที่ยังไม่ทราบและที่สำคัญคือการพัฒนาทักษะการฟังของดิฉันด้วย จากการศึกษาและพัฒนาทักษะการฟังในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์ยากที่ยังไม่รู้ความหมาย กระบวนการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยอย่างถูกต้องตามหลักการต่างๆอีกด้วย และที่สำคัญอีกอย่างคือ ข้อคิดสำหรับเรื่องนี้ คือ มนุษย์สามารถสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาได้ แต่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมเทคโนโลยีเหล่านั้นได้ เทคโนโลยีดังกล่าวจึงกลับมาทำร้ายมนุษย์
                จากการฝึกทักษะในสัปดาห์นี้ดิฉันได้พัฒนาทักษะการฟังของดิฉันไปได้ในระดับที่ดีขึ้น ซึ่งดิฉันจะฝึกดังนี้  วันอังคารที่ 20 – วันพุธที่ 21 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการฟัง เรื่อง Snow White And The Seven Dwarfs (1937) เหตุผลที่เลือกฟังจากหนังเรื่องเพราะ เป็นหนังที่น่าสนใจและเป็นเรื่องที่ทุกคนเคยอ่านหรือเคยรู้มาแล้ว ซึ่งโดยส่วนมากมีคนชอบ และจากการฟังในครั้งนี้สามารถฟังเข้าใจได้ง่าย เพราะเป็นเรื่องราวที่ดิฉันเคยอ่านและดูมาก่อน จากการฟังทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ความหมายของคำศัพท์ยากต่างๆ  และการฟังประโยคต่างๆซึ่งจะอยู่ในขั้นของการแปลและการถอดความ ต่อด้วยวันพฤหัสบดีที่ 22 ,วันศุกร์ที่ 23 และวันเสาร์ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูหนังเรื่อง Animals Farm เหตุผลที่ดิฉันเลือกดูหนังเรื่องนี้ในการฝึกทักษะการฟังเพราะ ในวิชาวรรณคดีภาษาอังกฤษ อาจารย์ผู้สอนให้ดูหนังและวิจารณ์หนังในแต่ละเรื่องตามกระบวนการที่อาจารย์ได้สอน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องนี้เป็นหนังที่ดิฉันเลือกทำ และจากการสรุปเนื้อหาจากการฟังเรื่องดังกล่าวนี้ นอกจากได้รู้คำศัพท์ยากต่างๆ ประโยคที่แปลกๆที่ไม่คุ้นเคย ในกระบวนการแปลภาษาแล้วดิฉันยังได้ข้อคิดว่าเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาพการปกครองประเทศของผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ ซึ่งผู้นำฟาร์มเปรียบเสมือนผู้นำประเทศและสัตว์ต่างๆ เปรียบเสมือนประชาชน แต่เพราะความโลภ และการคดโกงจึงทำให้ระบบการปกครองไม่มีประสิทธิภาพ ประเทศชาติไม่มีการพัฒนา และสุดท้ายของสัปดาห์นี้ คือ วันอาทิตย์ที่ 25 – วันจันทร์ที่ 26 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังจากการดูหนังเรื่อง Frankenstein (2011) เหตุผลที่ดิฉันเลือกหนังเรื่องนี้ในการฝึกทักษะการเพราะว่าหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ในรายวิชาวรรณคดีภาษาอังกฤษกำลังศึกษาอยู่ และหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุก ตื่นเต้นและน่าสนใจมาก และจากการศึกษาและพัฒนาทักษะการฟังในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้คำศัพท์ยากที่ยังไม่รู้ความหมาย กระบวนการแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยอย่างถูกต้องตามหลักการต่างๆอีกด้วย และที่สำคัญอีกอย่างคือ ข้อคิดสำหรับเรื่องนี้ คือ มนุษย์สามารถสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาได้ แต่มนุษย์ไม่สามารถควบคุมเทคโนโลยีเหล่านั้นได้ สุดท้ายเทคโนโลยีดังกล่าวจึงกลับมาทำร้ายมนุษย์







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น