Learning
log
(29th
October, 2015 - 30th October,
2015 )
"สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ"
การเข้าอบรม
“เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ” ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 29
เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 เกี่ยวกับการเสวนาวิชาการงานวิจัย
ในหัวข้อเรื่อง “Beyond
Language Learning” โดย ดร.สุจินต์ หนูแก้ว, อาจารย์สุนทร บุญแก้วและ ผศ.ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล
เป็นช่วงเริ่มแรกของการอบรม
ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจและมีประโยชน์สำหรับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก
หลายๆท่านที่เข้าอบรมรวมทั้งดิฉันด้วยก็เกิดความสงสัยว่าการเสวนาในครั้งนี้จะออกมาในรูปแบบใด
และมีเนื้อที่น่าสนใจและง่ายเข้าใจต่อการเข้าใจมากน้อยเพียงใด มีรูปแบบที่ตรงประเด็นหรือไม่ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมการอบรมก็มีความพร้อมที่จะรับความรู้และแนวคิดต่างๆจากท่านวิทยากรทุกท่านเป็นอย่างดี
รายละเอียดที่ดิฉันได้จากการเข้าอบรมในช่วงเช้านั่นก็คือ
ท่านผศ.ดร.ประกาศิต สิทธิ์ธิติกุล ได้กล่าวว่า
การเรียนภาษาอังกฤษไม่เพียงแค่ศึกษาภาษาเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องศึกษาสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไปด้วยซึ่งมี
5
c คือ 1. communicative(การสื่อสาร)
2. culture (วัฒนธรรม) 3.connection (การเชื่อมโยง) 4.comparison
(การเปรียบเทียบ) และ 5. community (ชุมชน) แต่ท่านดร.สุจินต์ หนูแก้ว ได้กล่าวไว้ว่า ครูจะต้องสอนว่าคนในศตวรรษที่
21 ควรจะมีลักษณะที่จำเป็น คือ 7 c ได้แก่ 7C ได้แก่ 1. Critical thinking & problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
และทักษะในการแก้ปัญหา) 2.Creativity &
innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม) 3.Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม)
4.Collaboration, teamwork & leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ
การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ) 5.Communications,
information & media literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศ
และรู้เท่าทันสื่อ) 6.Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)และ 7. Career &
learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้) รวมทั้ง
ทักษะทั้ง
3R ได้แก่ 1.Reading
(อ่านออก) 2.(W)Riting (เขียนได้)
และ 3.(A)Rithmetics (คิดเลขเป็น) และอาจารย์ก็อธิบายต่อเกี่ยวกับกฎการเรียนรู้ของ
Bloom ซึ่งมีประโยชน์มากในนำมาปรับใช้ในการเรียนการสอนในปัจจุบัน
ส่วนในด้านของ อาจารย์สุนทร บุญแก้ว ท่านก็ได้กล่าวไว้ว่า
การเรียนภาษาอังกฤษให้เกิดผลดี (CLT) นั่นจะต้องรู้ว่า 1.การเรียนภาษาอังกฤษเรียนไปเพื่ออะไร
เพราะจะได้เกิดแรงจูงใจในการเรียนสำหรับผู้เรียน 2.
กระบวนการในการเรียนภาษาอังกฤษ ว่าเรามีคำศัพท์เพียงพอหรือยัง หรือมีความรู้ในเรื่องหลักไวยากรณ์มากน้อยเพียงใด
และ 3. สภาพแวดล้อมจะต้องเอื้อต่อการเรียนรู้ ทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้เรียนเรียนรู้
24 ชม. ทั้ง 7 วัน ซึ่งถ้าเรามีครบทั้ง
3 ข้อ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษของเราก็จะเกิดผลดี
และอาจารย์ได้ให้ดูโครงการนักศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้นอกสถานที่ที่อาจารย์กำลังจัดทำอยู่เป็นปีที่
2 ในประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์
จากการเข้าอบรมในช่วงเช้าของวันแรก
ดิฉันได้ความรู้ต่างๆมากมาย ดิฉันไม่ผิดหวังเลยที่ได้เข้าอบรม
รวมทั้งการอบรมในครั้งนี้ สามารถเปลี่ยนแนวคิดของดิฉันเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษไปในทางที่ดีขึ้น
ทำให้รู้ว่าการเรียนรู้ถึงการเรียนภาษาอังกฤษอย่างไรถึงจะเก่งได้
รวมทั้งมีแนวคิดใหม่ที่ว่า
ในปัจจุบันครูจะต้องพยายามและออกแบบบทเรียนให้ตอบรับกับทุกทักษะ
เพราะครูจะต้องคำนึงอยู่เสมอว่านักเรียนแต่ละคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าหากครูสามารถทำได้ก็จะเป็นการตอบรับในทุกๆด้านของนักเรียนจะทำให้นักเรียนฉลาดขึ้นในทุกๆด้านด้วย
Learning
log
(29th
October, 2015 - 30th October,
2015 )
"สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ"
การเข้าอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ” ในช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ 29
เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 วิทยากรโดย
ผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร อาจารย์ท่านนี้ทั้งสวยทั้งเก่งและมากความสามรถ ซึ่งมีการสอนรายละเอียดเกี่ยวกับการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง, การแปลความหมายของประโยค, รวมทั้งวัฒนธรรมของการใช้ภาษาด้วย
ซึ่งการอ่านเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถือเป็นพื้นฐานของการเรียนภาษาอังกฤษ
เพราะถ้าหากเราอ่านคำศัพท์ผิดๆถูกๆเราก็จะไม่สามารถเรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษในเรื่องที่ยากมากขึ้นได้
รวมทั้งเราจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษได้
ส่วนการแปลความหมายของประโยคก็เช่นกัน ถ้าหากเราอ่านไม่ถูกต้อง
ไม่รู้ความหมายของคำศัพท์ เราก็จะไม่สามารถแปลประโยคต่างๆได้เช่นกัน
ในที่นี่ท่านวิยากรได้สอนเกี่ยวกับการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง
รวมทั้งหลักในการแปลประโยคภาษาอังกฤษรวมทั้งวัฒนธรรมของการใช้ภาษาซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับครูภาษาอังกฤษ
และผู้ศึกษาภาษาอังกฤษจำเป็นต้องรู้เป็นอย่างมาก
จากการเข้าอบรมในช่วงบ่ายของวันนี้
มีเนื้อหาสาระต่างๆมากมาย คือ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดเป็นลำดับที่ 4 ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่คนส่วนใหญ่ใช้สื่อสารร่วมกัน
และที่ว่าภาษาอังกฤษสำคัญมากเพราะว่าเป็นภาษาที่ใช้ในอินเตอร์เน็ตมากที่สุดเป็นอันดับแรก
อาจารย์ศิตา สอนให้ทุกคนอ่านออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง
เพราะคำศัพท์บางคำมีความหมายที่หลากหลาย ฉะนั้นเราจะต้องดูที่บริบทของคำนั้นๆ
นั่นก็คือ parts of speech ของคำศัพท์ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ
และคำศัพท์ที่คนไทยใช้กันจนชิน แต่ไม่ได้ถูกต้องตามความหมายของภาษาอังกฤษ
เป็นเพียงแค่การพูดตามต่อๆกันมาโดยไม่ได้รู้ที่มา หรือคำศัพท์แท้จริงที่ถูกต้อง
เช่น คำว่า Xerox ที่คนไทยคิดว่าหมายถึง “ถ่ายเอกสาร” แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะคำว่า Xerox
เป็นเพียงชื่อยี่ห้อของเครื่องถ่ายเอกสาร ที่ถูกต้องคือคำว่า photocopy รวมทั้งการอ่านเน้นเสียงหนักเบาของคำที่มีมากกว่าหนึ่งพยางค์ได้ถูกต้อง
จากนั้นเมื่อฝึกอ่านคำศัพท์คำเดียวเสร็จก็ต่อด้วยการอ่านประโยค
เพราะประโยคในภาษาอังกฤษ การอ่านเน้นเสียงหนักเบาผิดคำ
ก็สามารถทำให้ความหมายเปลี่ยนแปลงไปได้
เพราะฉะนั้นถ้าหากผู้พูดต้องการจะสื่อความหมายของคำๆใดเป็นพิเศษก็จะต้องอ่านเน้นเสียงหนักที่คำๆนั้น
ในการอ่านออกเสียงคำใดก็แล้วแต่
ทุกคำทุกเสียงมีที่มาว่าเราพูดและเปล่งเสียงนั้นออกมาทางไหนบ้าง นั่นก็คือการศึกษาเกี่ยวกับอวัยวะในการออกเสียง
ซึ่งมีทั้งที่เป็น เสียงก้อง (voice) และเสียงไม่ก้อง (voiceless) โดยท่านวิทยากรจะให้ผู้เข้ารับการอบรมออกเสียงตามที่ละคำ
และบอกถึงที่มาของเสียงนั้นๆด้วย รวมทั้งการใช้คำศัพท์ที่แตกต่างกันในพื้นที่ต่างๆ
ดังนั้นเมื่อเราไปอยู่ที่ต่างบ้านต่างเมือง
เราก็จะต้องเรียนรู้การใช้ภาษาของเขาด้วย จากนั้นก็ต่อด้วยกิจกรรมนันทนาการ
โดยการเล่นเกม crossword เพื่อเป็นการฝึกความจำในเรื่องของคำศัพท์ต่างๆ
และการมีไหวพริบของแต่ละคน
และเป็นการแข่งขันกันโดยมีรางวัลเป็นแรงเสริมให้กับผู้ชนะ แล้วเมื่อได้คนชนะ
ท่านวิทยากรก็จะให้อ่านคำศัพท์แต่ละคำ และบอกความหมายของคำศัพท์เหล่านั้น
ซึ่งกิจกรรมนี้
คุณครูสามารถนำไปปรับใช้ในการสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนได้เพราะได้รับทั้งความรู้และความสนุกสนานด้วย
การอบรมในช่วงบ่ายของวันนี้ดิฉันรู้สึกมีความสุขและสนุกมาก
เพราะนอกจากจะได้รับความรู้ต่างๆมากมายแล้ว
เรายังได้ร่วมกันผ่อนคลายด้วยการเล่นเกมซึ่งได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานด้วย
ส่วนในเรื่องของการอ่านออกเสียงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ การเรียนในห้องเรียนเมื่อนักเรียนอ่านผิด
นักเรียนก็จะไม่มีความมั่นใจ จึงส่งผลให้นักเรียนไม่กล้าอ่านรวมทั้งไม่กล้าพูดด้วย
นอกจากนี้อาจจะมาจากทัศนคติของผู้เรียนที่มีต่อภาษาอังกฤษหรือที่มีต่อครูผู้สอนก็อาจเป็นไปได้
ฉะนั้นครูผู้สอนควรตระหนักและออกแบบบทเรียนที่เอื้อต่อความสามารถของนักเรียนเพื่อนักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ได้จริง
ส่วนการใช้เกมเป็นสื่อในการสอนก็เกิดผลที่ดีต่อผู้เรียนเป็นอย่างมาก เช่น
เป็นการสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรมและความรับผิดชอบ
ความซื่อสัตย์และอื่นๆอีกมากมาย
Learning
log
(29th
October, 2015 - 30th October,
2015 )
"สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ"
การเข้าอบรม
“เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ” ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 30 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 วิทยากรโดย ผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ในรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่
21 ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างมากเพราะ
ครูผู้สอนจะได้นำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้ในการเรียนการสอนในอนาคตข้างหน้า
เพื่อให้เกิดผลดีต่อนักเรียนอย่างสูงสุด
และที่สำคัญเพื่อให้ตรงกับความถนัดของผู้เรียนและสภาพทางสังคมที่จะเกิดขึ้นในศตวรรษที่
21 ด้วยเช่นกัน รวมทั้งแนวการสอนในรูปแบบที่หลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนในการจัดห้องเรียนให้น่าเรียนมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งจัดการเรียนการสอนแบบ Flipped Classroom ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
จากการเข้าอบรมในช่วงเช้าของวันนี้
ท่านวิทยากรได้อธิบายเกี่ยวกับวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีดังนี้ 1. วิธีสอนแบบไวยากรณ์และแปล คือ
การสอนแบบไม่เน้นการฟังและการพูด แต่เน้นการเรียนไวยากรณ์และการแปลเป็นหลัก 2.วิธีสอนแบบตรง ก็คือ การให้ผู้เรียนได้สื่อสารด้วยภาษาที่เรียนนั้น
และเพื่อให้ประสบผลสำเร็จยิ่งขึ้นควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการที่จะคิดเป็นภาษาที่เรียนด้วย
3.วิธีสอนแบบฟัง-พูด
ซึ่งเป็นพื้นฐานไปสู่การอ่านและการเขียน ส่วนภาษาที่ใช้จะเป็นภาษาที่เจ้าของภาษาใช้พูดกัน
4.วิธีการสอนแบบเงียบ ซึ่งจะเน้นความรู้ความเข้าใจ
เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 5.วิธีการสอนตามแนวธรรมชาติ
เป็นการเรียนรู้ที่เลียนแบบการรับรู้ภาษาที่หนึ่งของเด็กเล็ก
ซึ่งเป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ 6.วิธีการสอนแบบชักชวน
คือผู้สอนควรโน้มน้าวให้ผู้เรียนได้ใช้พลังสมองของตนอย่างเต็มที่ 7.วิธีการสอนแบบตอบสนองด้วยท่าทาง
เป็นการสอนโดยเชื่อมโยงกับทฤษฎีของการจำในเชิงจิตวิทยา 8.การเรียนรู้แบบร่วมมือ
ฝึกให้ผู้เรียนทำงานแบบร่วมมือ 9. การเรียนรู้แบบเน้นภาระงาน
เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาในการปฏิบัติภาระงานต่างๆให้สำเร็จ 10. การเรียนรู้จากการทำโครงงาน
ซึ่งเป็นการเน้นให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง 11.แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร
และ 12.การสอนที่เน้นสาระการเรียนรู้ คือ
การบูรณาการกับจุดหมายของการสอนภาษาและ13.การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
ซึ่งเป็นการสอนที่ใช้วิธีการตั้งคำถาม และกระบวนการแก้ปัญหา และที่สำคัญท่านวิทยากรได้อธิบาย
The Flipped Classroom ซึ่งเป็นการสอนที่ได้รับการนิยมมาก
คือ ครูจะต้องสอนแต่สิ่งที่สำคัญและฝึกให้นักเรียนสามารถไปต่อยอดองค์ความรู้เองได้
จึงเปลี่ยนจากครูเป็นหลัก โดยให้นักเรียนเป็นหลักแทน
การอบรมในช่วงเช้าของวันนี้
ดิฉันนั่งฟังโดยตั้งใจและดิฉันคิดว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ใช้ในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีมาก
ซึ่งการจัดรูปแบบห้องเรียนในแต่ละรูปแบบมีความน่าสนใจมากและเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนในการจัดห้องเรียนภาษาอังกฤษ
เพราะถ้าหากรูปแบบการเรียนมีความหลากหลาย มิใช่มีแค่เพียงรูปแบบเดิมๆ
นักเรียนก็จะมีแรงผลักดันในการเรียนมากขึ้น
สิ่งเหล่านั้นถือเป็นการเสริมแรงให้กับผู้เรียนในการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะมีนักเรียนที่มีทัศนคติที่ไม่ค่อยดีต่อภาษาอังกฤษ
การทีมีรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย การทำความเข้าใจนักเรียนแต่ละคนเพราะว่าพวกเขามีความถนัดไม่เหมือนกัน
ฉะนั้นครูไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงเพียงรูปแบบการสอนเพียงอย่างเดียว
แต่ครูจะต้องปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้มีความเหมาะสมทั้ง ผู้สอนและผู้เรียนด้วย
จึงจะเป็นครูใน ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างสมบูรณ์
Learning
log
(29th
October, 2015 - 30th October,
2015 )
"สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ"
การเข้าอบรม “เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ” ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 30 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2558 วิทยากรโดย ผศ.ดร.ศิตา เยี่ยมขันติถาวร ในรายละเอียดเกี่ยวกับการนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงที่เป็นจริง
ที่เป็นในลักษณะของการเล่นเกมภายในห้องเรียนเกี่ยวกับเนื้อหาที่ครูกำลังสอนอยู่
รวมทั้งนิทานหรือเรื่องสั้นที่สามารถใช้สอนภาษาอังกฤษกับนักเรียนได้เช่นกัน
ท่านวิทยากร สอนดีมากและสอนสนุกสนานมากเช่นกัน
ทำให้ผู้ที่เข้ารับการอบรมโดยส่วนใหญ่ไม่เบื่อหน่ายที่จะฟังการสอนและการบรรยายของท่าน
จากการเข้าอบรมในช่วงบ่าย
คือช่วงสุดท้ายของการเข้าอบรม ท่านวิทยากรเห็นว่าผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ไปได้มากพอสมควรแล้ว
ท่านจึงจัดนันทนาการให้กับผู้เข้าอบรมทั้งหมดในห้อง
ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนทุกคนตื่นตัวและมีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มมากขึ้น กิจกรรมแรกที่ท่านวิทยากรให้ทำนั่นก็คือ
การเล่นเกมโดยการร้องเพลงโดยเนื้อหาในเพลงจะมีคำศัพท์ต่างๆสอดแทรกอยู่
และครูจะมีท่าทางในการเต้นให้นักเรียนดู ครูร้องและเต้นให้นักเรียนดูจากนั้นครูจะให้นักเรียนจับคู่กันสองคนและร้องเพลงและเต้นไปพร้อมๆกับครู
จากนั้นเมื่อเพลงใกล้จบก็จะให้นักเรียนแต่ละคู่เป่ายิ้งฉุปกันเพื่อหาผู้ชนะ
จากนั้นผู้ชนะในแต่ละคู่ก็มาแข่งขันกันต่อเพื่อหาผู้ชนะแค่คนเดียวเท่านั้น
ซึ่งในขณะที่เล่นเกมนี้ทุกคนดูมีความสุข สนุกสนานเฮฮา
การใช้เกมนี้ทำให้เด็กสามารถฝึกจดจำคำศัพท์จากเนื้อเพลงและท่าทางที่ครูได้แสดงให้นักเรียนดู
ทำให้มีไหวพริบมากขึ้น และสามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ และจากนั้นท่านวิทยากรก็เล่านิทานให้ทุกคนฟัง
และในขณะที่ท่านเล่า ก็จะมีลูกบอลจำนวน 20 ลูก
ส่งต่อๆกันไปจนท่านวิทยากรเล่าจบ ลูกบอลไปตกอยู่ที่ใคร
คนนั้นจะต้องออกมาหน้าห้องประชุมเพื่อคิดประโยคคนละประโยคสำหรับเรียบเรียงต่อกันเป็นนิทาน
1 เรื่อง จากการทำกิจกรรมนี้
ทุกคนที่เข้ารับการอบรมก็มีความสุข สนุกสนานมากเช่นกันในการหลบหนีลูกบอลทั้ง 20
ลูก กิจกรรมนี้จะช่วยให้นักเรียนฝึกการฟัง การจดจำคำศัพท์
รวมทั้งการสร้างประโยค แน่นอนคือ ฝึกการใช้ประโยคใน tense ต่างๆ
ได้ถูกต้อง โดยครูเป็นผู้แก้ไขข้อผิดพลาดจากการแต่งประโยคของนักเรียน
และรวมทั้งการอ่านออกเสียงของนักเรียนด้วย
ทั้งนี้นักเรียนจะได้ฝึกการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผลด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การเรียนการสอนไม่ใช่เพียงแค่สอนเนื้อหาเพียงอย่างเดียว
เพราะบางครั้ง นักเรียนก็ต้องการที่จะผ่อนคลาย ฉะนั้นการเรียนการสอนโดยใช้กิจกรรม
ดิฉันคิดว่าเป็นการบูรณาการการเรียนการสอนที่ดี เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจให้กับผู้เรียน
ถ้าหากมีรางวัลเป็นสิ่งตอบด้วย สิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นการเสริมแรงให้นักเรียนตั้งใจที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น
แต่การใช้กิจกรรมเหล่านี้ไม่ควรใช้บ่อยและนานจนเกินไป
เพราะอาจจะทำให้เด็กนักเรียนเบื่อ และไม่เป็นที่ดึงดูดใจของพวกเขาได้มากเช่นกัน
วิธีการสอนและทัศนคติของท่านวิทยากรเกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษถือว่าดีมาก
ดิฉันคิดว่าท่านเป็นต้นแบบในการเป็นครูภาษาอังกฤษได้ดีมากคนหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น