วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (15th September, 2015)

การฝึกทักษะการเขียน
 (15th September, 2015)
การฝึกทักษะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษมาเป็นเวลาสองสัปดาห์ ซึ่งดิฉันรู้สึกว่า ทักษะการอ่านของข้าพเจ้าได้พัฒนาไปมากพอสมควร แต่การฝึกทักษะการอ่านเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลาในการฝึกทักษะนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่าน จากบทความ ดังนี้ บทความ เรื่อง  Drinking water before meals helps dietin, เรื่อง 10 Things You Can Do to Help Save the Earth และ เรื่อง Workout Routines for Women ซึ่งทั้ง 3 บทความมีเนื้อหาที่น่าสนใจและน่าอ่านมาก อีกทั้งคำศัพท์ส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์ที่อ่านง่ายและเข้าใจง่าย ซึ่งในตอนแรกดิฉันก็อ่านบทความนี้ไปประมาณเรื่องละ 3-4 ครั้ง คืออ่านโดยไม่ได้ค้นหาว่าคำศัพท์คำนั้นที่จริงแล้วต้องอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และคำศัพท์ยากแต่ละคำที่ดิฉันยังไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เพราะดิฉันจะลองฝึกทักษะการอ่านของดิฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง และทดสอบความจำเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆในสมองว่ามีเท่าไหร่ ซึ่งดิฉันคิดว่าจากการฝึกทักษะในสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันได้พัฒนาทักษะการอ่านไปได้แล้วในระดับหนึ่ง ในสัปดาห์นี้ดิฉันจึงต้องการจะฝึกทักษะการเขียน ซึ่งเป็นทักษะที่ยากที่สุดสำหรับตัวดิฉันเอง ซึ่งการเขียน คือการสื่อสารชนิดหนึ่งของมนุษย์เราที่ต้องอาศัยความพยายามและฝึกฝน การเขียนเป็นการแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ผู้รับสารสามารถอ่านได้เข้าใจ ได้ทราบความรู้ ความคิด ความรู้สึก ความต้องการ แล้วสามารถนำมาบอกต่อกับบุคคลอื่นให้ได้ความรู้ที่ผู้รับสารได้รับ ฉะนั้นการเขียนที่ดีจะต้องเกิดจากความคิดที่ดีและมีเหตุผล รวมทั้งมีความชำนาญทางด้านไวยากรณ์ในการแต่งประโยค อีกทั้งการใช้คำที่สละสลวยในงานเขียนของเราด้วย ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนตั้งแต่วันอังคารที่ 15 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 – วันอาทิตย์ที่ 20 เดือน กันยายน พ.ศ.2558
วันอังคารที่ 15 – วันพุธที่ 16 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านนิทานอีสปเรื่อง The Fox without a Tail จาก http://funstory69.blogspot.com/ เหตุผลที่ดิฉันเลือกฝึกทักษะการเขียนจากนิทานอีสปเรื่องนี้ เพราะ นิทานเรื่องนี้ มีเนื้อหาไม่มากเกินไป ดึงดูดความสนใจในการอ่านและการสรุปความออกมาเพื่อการเขียน ซึ่งเป็นนิทานอีสปที่อ่านแล้วไม่เบื่อหน่าย ซึ่งในตอนแรกดิฉันก็อ่านโดยไม่ค้นหาคำศัพท์ใดๆก่อน คือ อ่านแบบคร่าวๆไม่เน้นความถูกต้อง เพื่อเป็นการฝึกทักษะในการอ่าน และการกล้าที่จะพูดสิ่งเหล่านั้นออกมา จากนั้นดิฉันก็เริ่มค้นหาคำศัพท์ยากต่างๆที่ดิฉันไม่รู้ ดิฉันสามารถสรุปนิทานเรื่องนี้ ได้ว่า มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมันต้องสูญเสียหางของมันไปเพราะกับดักล่าสัตว์ ในตอนแรกมันอับอายที่จะให้เพื่อนสุนัขจิ้งจอกด้วยกันเห็นว่ามันไม่มีหาง แต่สุดท้ายมันก็ตัดสินใจที่จะยอมรับกับความโชคร้ายในครั้งนี้ มันจึงเรียกสุนัขจิ้งจอกทุกตัวมาประชุม เมื่อสุนัขจิ้งจอกมาอยู่ร่วมกันในที่ประชุม เจ้าสุนัขจิ้งจอกหางด้วนจึงพยายามพูดชักจูงสุนัขจิ้งจอกตัวอื่น ๆ ให้เห็นว่าการมีหางจะทำให้พวกมันลำบาก เกะกะ และเสียเปรียบเมื่อถูกพวกศัตรู หรือเกะกะเวลาเรานั่งคุยกับใคร มันล้มเหลวกับการชักจูงสุนัขจิ้งจอกตัวอื่นให้เห็นถึงข้อดีของการไม่มีหาง จนกระทั่งสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่งจึงพูดขึ้นมาว่า "ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น เจ้าพยายามจะแนะนำให้พวกเราเป็นเหมือนเจ้าที่ต้องสูญเสียหางไปก็เท่านั้นเอง " ต่อมาในวันพุธที่ 16 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ข้าพเจ้าได้นำนิทานอีสปเรื่อง The Fox without a Tail ที่ดิฉันได้สรุปเนื้อหาไว้ข้างต้นแล้ว นำมาฝึกเขียนเป็นนิทานเรื่องย่อ ซึ่งนิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของการฝึกทักษะการเขียนของดิฉัน ซึ่งดิฉันใช้เวลาในการเขียนสรุปเรื่องดังกล่าวมากพอสมควร เพราะจะต้องเขียนให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ รวมทั้งคำศัพท์ที่ใช้ด้วย ดิฉันก็เขียนเป็นฉบับร่างก่อนเพื่อให้เพื่อนช่วยกันตรวจดูความถูกต้องทางหลักไวยากรณ์ และหลักจากนั้นดิฉันก็เริ่มเขียนแบบจริงจังลงในกระดาษ และตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง และที่สำคัญสำหรับการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆอย่างมากมาย ซึ่งเป็นการนำมาใช้ในประโยคอย่างจริงๆ รวมทั้งได้เรียนรู้และฝึกเขียนคำศัพท์ต่างๆที่เป็นคำศัพท์ยากที่ดิฉันไม่รู้ด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 17 – วันศุกร์ที่ 18 เดือน กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนโดยการเขียนบันทึกกิจวัตรประจำวันของดิฉัน ในวัน พฤหัสบดีที่ 17 – วันศุกร์ที่ 18 เดือน กันยายน พ.ศ. 2558 ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนในตอนค่ำทั้งสองวัน ว่าดิฉันได้ทำกิจกรรมใดไปบ้าง ซึ่งในการเขียนฉบับร่างครั้งแรกดิฉันจะเขียนเป็นภาษาไทยก่อน เพื่อเป็นการจัดลำดับเหตุการณ์ว่าภายในหนึ่งวันต่อหนึ่งย่อหน้า ดิฉันจะเขียนเหตุการณ์หรือประโยคใดลงไปบ้าง คือตั้งแต่ตื่นนอนก็ใช้ประโยคภาษาอังกฤษ คือ I always get up at six o’clock in the morning. จากนั้นก้อจัด เก็บที่นอนให้เรียบร้อย ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ และแต่งตัว คือใช้ประโยค ดังนี้ After making my bed, I wash my face, brush my teeth, take a shower and get dressed. เมื่อเวลา 06.30 น. ดิฉันช่วยเพื่อนจัดโต๊ะสำหรับอาหารเช้า At half past six, I help my friends to set up the table for our breakfast. จากนั้นดิฉันก็รับประทานอาหารเช้า After eating my breakfast, ทำความสะอาดโต๊ะI clean up the table. เวลา 07.30 น. ดิฉันไปมหาวิทยาลัยโดยรถจักรยานยนต์ At seven, I go to a university by motorcycle. ห้องเรียนของดิฉันเริ่มเวลา 08.20 น. My first class begins at eight twenty ดิฉันเรียนจนถึงตอนเที่ยงI study until noon. จากนั้นก็รับประทานอาหาเที่ยงร่วมกับเพื่อนๆ Then I have lunch together with my friends.ดิฉันยังคงเรียนต่อในตอนบ่ายโมง I continue my class at one o’ clock in the afternoon. ดิฉันเรียนเสร็จเวลาบ่ายสี่โมงเย็น I finish school at four o’clock. ดิฉันกลับถึงหอพักประมาณบ่ายห้าโมงเย็นเป็นประจำI usually go dormitory around five o’clock. ซึ่งในวันศุกร์ที่ 18 เดือน กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันก็ได้ เขียนบันทึกกิจวัตรประจำวันของดิฉันในลักษณะนี้อีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการทดสอบและฝึกทักษะการเขียนของดิฉันทั้งสองครั้งนี้ด้วย จากการฝึกทักษะการเขียนจากงานเขียนชิ้นนี้ ดิฉันก็ให้เพื่อนๆช่วยตรวจสอบความถูกต้องของหลักไวยากรณ์ในการแต่งประโยคต่างๆ รวมทั้งการสะกดคำศัพท์ให้ถูกต้องด้วย ซึ่งในการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆอย่างมากมาย ซึ่งเป็นการนำมาใช้ในประโยคอย่างจริงๆ รวมทั้งได้เรียนรู้และฝึกเขียนคำศัพท์ต่างๆที่ยังไม่ทราบได้ถูกต้องด้วย
วันเสาร์ที่ 19 - วันอาทิตย์ที่ 20 เดือน กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการเขียน เรียงความเรื่อง Father’s Day  โดยศึกษาวิธีการเขียนเรียงความมาจากเรียงความในอินเตอร์เน็ตและจากความรู้เดิมที่เคยเรียนมา ซึ่งเป็นการทบทวนและเพิ่มพูนความรู้ในด้านการเขียนด้วย ดิฉันเริ่มจากวาง outline ซึ่งการวาง outline จะประกอบด้วย introduction, body1, body2, body3 และ conclusion การเขียน outline เป็นสิ่งที่สำคัญมากในงานเขียนเพราะจะทำให้เราสามารถจัดลำดับของเหตุการณ์ที่จะนำมาเขียนได้อย่างเป็นระบบ ทำให้งานเขียนของเราไม่เขียนวกไปวนมา เพราะมันจะแยกตามหัวข้อหรือประเด็นต่างๆที่เราใส่ไว้แล้ว เพียงแต่เมื่อนำมาเขียนจริงเราก็แค่เพิ่มรายละเอียดต่างๆลงไป จากนั้นก็เริ่มหา topic sentence คือประโยคที่เป็นใจความหลักที่สำคัญและครอบคลุมเนื้อหาในแต่ละ paragraph หรือ เรียกว่า “main idea” หลังจากนั้นก็ใส่รายละเอียดของแต่ละ paragraph ลงไปซึ่งเราเรียกว่า supporting detail ซึ่งรายละเอียดที่จะนำมาใส่ในแต่ละ paragraph นั้นจะสอดคล้องและเชื่อมโยงไปในทางเดียวกันกับ topic sentence ของแต่ละ paragraph ด้วยเช่นกัน ซึ่งในการฝึกทักษะการเขียนครั้งนี้จะต้องใช้เวลาในการเขียนเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องใช้ความคิดในการรวบรวมเนื้อหาต่างๆที่จะนำมาเขียน และจัดลำดับความสำคัญและความสัมพันธ์ของเนื้อหาต่างๆ เพื่อที่จะให้งานเขียนของดิฉันไม่วกวน ดิฉันได้ทำการเขียน draft ที่ 1 เสร็จและให้เพื่อนๆช่วยกันตรวจสอบในเรื่องของไวยากรณ์ต่างๆ รวมทั้งความถูกต้องของคำศัพท์ต่างๆที่เขียนไป รวมทั้งเนื้อหาต่างๆด้วย และในวันอาทิตย์ที่ 20 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำข้อผิดพลาดในงานเขียน draft ที่ 1 จากการช่วยกันตรวจสอบของดิฉันและเพื่อนๆ นำมาแก้ไขใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ เป็น draft ที่ 2 ซึ่งดิฉันก็ได้แก้ไขข้อผิดพลาดในหลักไวยากรณ์ต่างๆ โดยศึกษาจากในหนังสือบ้าง ในอินเตอร์เน็ตบ้าง รวมทั้งสอบถามจากเพื่อนๆบ้าง เพื่อจะทำให้งานเขียนของดิฉันใน draft ที่ 2 มีเนื้อหาที่ถูกต้องมากที่สุด รวมทั้งมีความสละสลวยดึงดูดความสนใจของผู้อ่านด้วย ซึ่งการแก้ไขในครั้งนี้ดิฉันให้รุ่นพี่ช่วยตรวจให้ จากนั้นเมื่อตรวจเสร็จดิฉันก็นำมาเขียนเป็นเรียงความฉบับจริง ซึ่งในการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้หลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆอย่างมากมาย ซึ่งเป็นการนำมาใช้ในประโยคอย่างจริงๆ รวมทั้งได้เรียนรู้และฝึกเขียนคำศัพท์ต่างๆที่ยังไม่ทราบได้ถูกต้องด้วย ซึ่งจะทำให้มีคลังคำศัพท์ที่เพิ่มขึ้น

ในสัปดาห์นี้ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนฝึกเป็นทักษะที่ฝึกยากที่สุดสำหรับตัวของดิฉันเอง ซึ่งดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียน ดังนี้ วันอังคารที่ 15 – วันพุธที่ 16 เดือน กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านนิทานอีสปเรื่อง The Fox without a Tail จาก http://funstory69.blogspot.com/  วันพฤหัสบดีที่ 17 – วันศุกร์ที่ 18 เดือน กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนโดยการเขียนบันทึกกิจวัตรประจำวันของดิฉันเอง และ วันเสาร์ที่ 19 - วันอาทิตย์ที่ 20 เดือน กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการเขียนจากการเขียน เรียงความเรื่อง Father’s Day ซึ่งในครั้งแรกเป็นการฝึกทักษะการเขียนจากการอ่านสรุปความนิทานอีสป แล้วนำเนื้อหาที่เป็นใจความสำคัญที่สรุปได้นำมาเขียนเป็นเรื่องราวโดยใช้ภาษาของตัวดิฉันเอง และครั้งที่สอง ฝึกทักษะการอ่านโดยการเขียนบันทึกกิจวัตรประจำวันของดิฉันเองตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนในทั้งสองวัน ว่าดิฉันได้ทำกิจกรรมใดไปบ้าง และวันสุดท้ายของการฝึกทักษะในสัปดาห์นี้ คือ การฝึกการเขียนเรียงความ เรื่อง Father’s Day ซึ่งได้เริ่มจากการวาง outline นั่นก็คือ โครงเรื่อง ซึ่งมีความสำคัญมากในการเขียนเรียงความหรืองานเขียนเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพราะจะทำให้งานเขียนของเรามีเนื้อหาที่เป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ ไม่วกไปวนมา คือแต่ละ paragraph ได้มีการกำหนดหัวข้อหลักและรายละเอียดย่อยต่างๆที่เกี่ยวข้องในแต่ละ paragraph อย่างชัดเจน จากนั้นก็เริ่มหา topic sentence คือประโยคที่เป็นใจความหลักที่สำคัญและครอบคลุมเนื้อหาในแต่ละ paragraph และก็ใส่รายละเอียดของแต่ละ paragraph ลงไปซึ่งเราเรียกว่า supporting detail ซึ่งรายละเอียดที่จะนำมาใส่ในแต่ละ paragraph นั้นจะต้องสอดคล้องและเชื่อมโยงไปในทางเดียวกันกับ topic sentence ของแต่ละ paragraph ด้วยเช่นกัน ในการเขียนทั้งสามครั้งของดิฉัน ดิฉันจะเขียนโยฉบับร่างก่อน แล้วให้เพื่อนๆและรุ่นพี่ของดิฉันช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นจึงนำมาสู่การเขียนในฉบับจริง ซึ่งดิฉันคิดว่าการฝึกทักษะการเขียนในสัปดาห์นี้ให้ประโยชน์และเป็นการเพิ่มพูนความรู้ในด้านการเขียนของดิฉันอย่างมากพอสมควร นอกจากดิฉันได้พัฒนาทักษะการเขียนให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ดิฉันรู้และเข้าใจหลักการใช้ไวยากรณ์ต่างๆได้มากขึ้นด้วย เพราะในที่นี้ดิฉันได้นำมาใช้จริงในการแต่งประโยคต่างๆ รวมทั้งได้ประโยชน์ในด้านคำศัพท์ยากต่างๆซึ่งทำให้ดิฉันรู้คำศัพท์มากขึ้น เขียนได้ อ่านถูก ส่งผลให้คลังคำศัพท์ที่มีอยู่เพิ่มขึ้นด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น