วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษานอกห้องเรียน (1st September,2015)

                                               การฝึกทักษะการอ่าน
                                              (1st  September, 2015)

การฝึกทักษะต่างๆ ทั้งทักษะ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากในการที่จะเรียนภาษาอังกฤษให้เชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดมาแล้ว ซึ่งจากการฝึกทักษะการพูดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันก็ได้ความรู้ทั้งในด้านของเนื้อหาของสื่อที่ดิฉันได้ฝึก และพัฒนาทางด้านทักษะการพูดได้เป็นอย่างมาก ทำให้ดิฉันมีความกล้าในการที่จะพูด ซึ่งดิฉันได้ฝึกการพูดจากเนื้อหาและวีดิโอต่างๆ คือ 5 เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนกับเจ้าของภาษา,Spoken English Learning Video Spoken English Tutorial English Conversation ,การฝึกพูดภาษาอังกฤษ, English Conversation- Learn English Speaking, English Conversation - Learn English Speaking, Learn English Vocabulary 5, จากเพลง I Have A Dreamและการพูดอังกฤษในการทำงาน ดิฉันคิดว่าดิฉันได้รับความรู้และทักษะจากการฝึกในสัปดาห์ที่ผ่านมามากพอสมควร สัปดาห์นี้ดิฉันจึงต้องการฝีกทักษะการอ่าน เพราะการอ่านและการพูดจะมีความความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกันมาก ในเมื่อดิฉันเริ่มมีทักษะในการพูดมาพอสมควรแล้ว ก็สามารถเป็นพื้นฐานในการอ่านได้มากพอสมควร แต่การฝึกทักษะการอ่านนั้น จะมีความยากมากกว่าการพูด เพราะการอ่านในเรื่องใดๆก็แล้วแต่ เราจะต้องใช้เวลาในการอ่าน การแปลความหมาย การฝึกออกเสียงคำศัพท์ให้ถูกต้อง รวมทั้งการทำความเข้าใจในเนื้อหาเป็นอย่างดี จึงจะรู้และเข้าใจในเรื่องที่อ่าน และสามารถอ่านได้คล่องแคล่ว ไม่ติดขัด ฉะนั้นดิฉันจึงตัดสินใจฝึกทักษะการอ่าน ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 กันยายน 2558 – วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2558 และใช้บทความ 1 เรื่องในการฝึก 1 วันและอีกหนึ่งวันใช้สำหรับการอ่านทบทวนบทความเรื่องเดิมอีกครั้ง

วันอังคารที่ 1- วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง What is global warming? จาก http://www.ddtranslation.com/eng-to-thai-1/ เหตุผลที่เลือกอ่านบทความนี้ เพราะว่า มีเนื้อหาที่น่าสนใจและใช้คำศัพท์ที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย และเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทุกคนควรรู้ด้วย ซึ่งดิฉันได้ฝึกอ่านออกเสียงในตอนแรก ฝึกอ่านไปเรื่อยๆซ้ำๆหลายครั้ง โดยที่ไม่ได้ค้นหาว่าคำศัพท์แต่ละคำอ่านว่าอย่างไรและมีความหมายว่าอย่างไร ดิฉันถือว่าได้ฝึกการพูดไปด้วยอีกทางหนึ่ง จากนั้นดิฉันก็เริ่มหาว่าคำศัพท์แต่ละคำอ่านว่าอย่างไร ออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้องตามหลักการ รวมทั้งหาความหมายของคำศัพท์ทุกคำที่เป็นคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่รู้ความหมายด้วย หลังจากนั้นดิฉันก็มาเริ่มอ่านบทความดังกล่าวนี้อีก โดยอ่านไปที่ละประโยคและแปลความหมายของแต่ละประโยคด้วย ดิฉันก็อ่านไปเรื่อยๆจนจบก็แปลได้ว่า บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง ความหมายของคำว่า ภาวะโลกร้อนภาวะโลกร้อน คือ การที่โลกร้อนขึ้น (อุณหภูมิสูงขึ้น) เกิดขึ้นเมื่อก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนไดออกไซด์, ไอน้ำ, ไนตรัสออกไซด์ และมีเทน) ดักจับความร้อน และแสงจากดวงอาทิตย์ในชั้นบรรยากาศของโลกซึ่งทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น และทำร้ายคน, สัตว์ และพืชเป็นจำนวนมาก รวมทั้งความหมายของคำว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก  คือ การที่อุณหภูมิสูงขึ้นเนื่องจากความร้อนและแสงอาทิตย์ถูกดักจับไว้ในชั้นบรรยากาศของโลกรวมทั้งสิ่งที่ปรากฏการณ์เรือนกระจกมีผลกระทบต่อโลก ซึ่งคือการที่ความร้อนและแสงจากดวงอาทิตย์เข้ามายังชั้นบรรยากาศแต่ไม่สามารถกลับออกไปได้ และส่งผลให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น และต่อมาในวันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันก็นำบทความเรื่องนี้มาอ่านอีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการทดสอบการอ่านและการแปลความหมายของดิฉันกับเนื้อเรื่องดังกล่าว การฝึกอ่านเป็นสิ่งที่ยากและต้องใช้เวลาในการฝึกมากกว่าการฟังและการพูดฉะนั้น ในการฝึกแต่ละครั้งของสัปดาห์นี้ ดิฉันจะใช้เวลาสองวันในการฝึก คือวันแรกฝึก และวันที่ 2 กลับมาทบทวนอีกครั้ง
วันพฤหัสบดีที่ 3 – วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษเรื่อง Benefits Of Passion Fruit จาก  http://lasik-   healthyforeyes.blogspot. com/2012 /10/benefits-of-passion-fruit.html#.Veyoz9KeDGc เหตุผลที่ดิฉันเลือกอ่านบทความนี้เพราะมีเนื้อหาน่าสนใจ ใช้คำศัพท์ที่ไม่อยากจนเกินไป ได้ฝึกทั้งทักษะการอ่านและการพูดไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งในตอนแรกดิฉันก็อ่านบทความนี้ไป 2-3 ครั้ง คืออ่านโดยไม่ได้ค้นหาว่าคำศัพท์คำนั้นที่จริงแล้วต้องออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และคำศัพท์ยากแต่ละคำที่ดิฉันยังไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เพราะดิฉันจะลองฝึกทักษะการอ่านของดิฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทดสอบความจำเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆในสมองว่ามีเท่าไหร่ รวมทั้งการอ่านในลักษณะนี้จะเป็นการฝึกการพูดไปในตัวด้วย หลังจากนั้นดิฉันก็เริ่มหาคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังอ่านออกเสียงไม่ถูกต้อง และยังไม่รู้ความหมายของคำศัพท์นั้น เมื่อแปลเสร็จ ดิฉันก็เริ่มอ่านใหม่อีก จากการอ่านและการแปลทำให้ทราบว่า เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ประโยชน์ของเสาวรส ดังนี้เสาวรสมีวิตามินเอค่อนข้างสูง และสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่งได้ด้วย จากการศึกษาพบว่า วิตามินซีของน้ำเสาวรสจะมีมากกว่าที่พบในมะนาว และพบสาร Albumin homologous protein จากเมล็ด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และต่อมาในวันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้นำบทความดังกล่าวนี้มาอ่านทบทวนใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นการทดสอบความจำทางด้านการอ่านออกเสียงคำศัพท์และความหมายของคำศัพท์ที่เป็นคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่รู้ ซึ่งเกิดจากความเข้าใจและความเคยชินเพราะดิฉันอ่านหลายครั้งแล้ว ก็ทำให้ดิฉันจำคำศัพท์และเนื้อเรื่องได้มากพอสมควรเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเนื้อหาภาษาไทยในบทความนี้ ซึ่งในที่นี้ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดไปด้วย
วันเสาร์ที่ 5 – วันอาทิตย์ที่ กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากบทความภาษาอังกฤษเรื่อง Chocolate for Health and Beauty จาก http://www.dek-d.com/board/view/1150938/เหตุผลที่ดิฉันเลือกอ่านบทความนี้เพราะบทความนี้มีความน่าสนใจ ใช้คำศัพท์ที่ดูแล้วน่าจะอ่านง่าย ไม่ยากจนเกินไป  ซึ่งในตอนแรกดิฉันก็อ่านบทความนี้ไป 3-4 ครั้ง คืออ่านโดยไม่ได้ค้นหาว่าคำศัพท์คำนี้ที่จริงแล้วต้องออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และคำศัพท์ยากแต่ละคำที่ดิฉันยังไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เพราะดิฉันจะลองฝึกทักษะการอ่านของดิฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทดสอบความจำเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆในสมองว่ามีเท่าไหร่ รวมทั้งการอ่านในลักษณะนี้จะเป็นการฝึกการพูดไปในตัวด้วย เพราะนี่ก็เป็นบทความเรื่องที่สามที่ดิฉันใช้ฝึกทักษะการอ่าน จากนั้นดิฉันก็ทำเหมือนกับสองครั้งที่ฝึกทักษะการอ่านมา คือ เริ่มหาคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่ทราบความหมายของคำศัพท์เหล่านั้น รวมทั้งยังไม่ทราบว่าคำศัพท์คำนั้นออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และเมื่อหาคำศัพท์และแปลความหมายเสร็จ ดิฉันก็เริ่มอ่านใหม่ ซึ่งสังเกตได้ชัดเจนว่าดิฉันอ่านคล่องแคล่วมากขึ้น ทั้งนี้เพราะดิฉันได้หาคำศัพท์และคำอ่านของคำศัพท์นั้นๆไว้ จึงทำให้มั่นใจในการอ่านแต่ละครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งเรื่องนี้มีเนื้อหา เกี่ยวกับ ประโยชน์ของช็อกโกแลต คือ สารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในช็อกโกแลตช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งบางชนิดและป้องกันไม่ให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจนอกจากนี้ยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดป้องกันความดันโลหิตสูงและยังช่วยบรรเทาอาการท้องเสียได้อีกด้วย ส่วนสารทีโอโบรไมน์ (Theobromine) มีฤทธิ์คล้ายกาเฟอีนช่วยหยุดอาการไอเรื้อรังได้ ส่วนสารเฟนิลไทลามิน (Phenylethylamine) เชื่อว่าสามารถผลิตความรู้สึกที่เรียกว่ารักได้
จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้นำบทความดังกล่าวนี้มาอ่านทบทวนใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นการทดสอบความจำทางด้านเนื้อหา การอ่านออกเสียงคำศัพท์และความหมายของคำศัพท์ที่เป็นคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่รู้ ซึ่งเกิดจากความเข้าใจและความเคยชินเพราะดิฉันอ่านหลายครั้งแล้วและเริ่มมีทักษะในการอ่านมาพอสมควร ก็ทำให้ดิฉันจำคำศัพท์และเนื้อเรื่องได้มากพอสมควรเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเนื้อหาภาษาไทยในบทความนี้ ซึ่งในที่นี้ดิฉันได้ฝึกทักษะการพูดไปด้วย

                   จากการฝึกทักษะการอ่านในสัปดาห์นี้ ตั้งแต่ วันอังคารที่ 1- วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษ เรื่อง What is global warming? วันพฤหัสบดีที่ 3 – วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ.2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากการอ่านบทความภาษาอังกฤษเรื่อง Benefits Of Passion Fruit วันเสาร์ที่ 5 – วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะการอ่านจากบทความภาษาอังกฤษเรื่อง Chocolate for Health and Beauty จากเนื้อหาทั้งหมดที่ใช้ในการฝึกนี้มีเนื้อหาที่ดีมากสำหรับการฝึกทักษะการอ่าน มีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย และคำศัพท์ที่อ่านง่าย ซึ่งในตอนแรกดิฉันก็อ่านบทความนี้ไป 3-4 ครั้ง คืออ่านโดยไม่ได้ค้นหาว่าคำศัพท์คำนั้นที่จริงแล้วต้องอ่านออกเสียงอย่างไรถึงจะถูกต้อง และคำศัพท์ยากแต่ละคำที่ดิฉันยังไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เพราะดิฉันจะลองฝึกทักษะการอ่านของดิฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง และทดสอบความจำเกี่ยวกับคำศัพท์ต่าง ๆในสมองว่ามีเท่าไหร่ รวมทั้งการอ่านในลักษณะนี้จะเป็นการฝึกการพูดไปในตัวด้วย จากนั้นในวันที่สองของการฝึกอ่านบทความแต่ละบท ดิฉันได้นำบทความดังกล่าวนี้มาอ่านทบทวนใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นการทดสอบความจำทางด้านเนื้อหา การอ่านออกเสียงคำศัพท์และความหมายของคำศัพท์ที่เป็นคำศัพท์ยากที่ดิฉันยังไม่รู้ ซึ่งเกิดจากความเข้าใจและความเคยชินเพราะดิฉันอ่านหลายครั้งแล้วและเริ่มมีทักษะในการอ่านมาพอสมควร ซึ่งการฝึกทักษะการอ่านเป็นการฝึกทักษะที่ต้องใช้เวลาในการฝึกเป็นอย่างมากในการทำความเข้าใจและเกิดความคล่องแคล่วในการอ่านแต่ละครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น